รู้จัก เอสเฟา เอลเวอร์สแบร์ก (SV Elversberg) - ทีมใหม่ของ นิโคลัส มิคเคลสัน บนเส้นทางลูกหนังเยอรมัน!!

ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขันอาสาหาข้อมูลคร่าวๆ ของทีม 'เอลฟ์' ต้นสังกัดใหม่ของฟูลแบ็กทีมชาติไทย มาให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] ประวัติสโมสร

แรกเริ่มเดิมที เอสเฟา เอลเวอร์สแบร์ก ก่อตั้งในปี 1907 ในชื่อ เอฟซี เยอรมาเนีย เอลเวอร์สแบร์ก (FC Germania Elversberg) ก่อนจะยุบสโมสรปี 1914 แต่ก็กลับมาใหม่ พร้อมเปลี่ยนเป็น สปอร์ตแวร์ไลน์กุง วีเอฟบี เอลเวอร์สแบร์ก (Sportvereinigung VfB Elversberg) เมื่อปี 1918

ช่วงต้นของทีม พวกเขาอยู่ในลีกล่างของเยอรมัน แทบจะถาวร โดยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (1952) ก็เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น เอสเฟา เอลเวอร์สแบร์ก แต่ก็ยังไม่สามารถไต่สู่ลีกระดับสูงได้สำเร็จ

กระทั่งฤดูกาล 2012-13 ที่พวกเขาไปได้ไกลหน่อย นั่นคือการเพลย์-ออฟจนได้เลื่อนชั้นสู่ ลีกา 3 เยอรมัน แต่ก็อยู่ได้เพียงซีซั่นเดียวเท่านั้น

เอลเวอร์สแบร์ก เพียรพยายามอยู่นานแสนนาน และก็มาฟอร์มดีอีกครั้งในยุคที่มี ฮอร์ส สเตฟเฟ่น เป็นกุนซือ

อดีตกองกลาง โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค คุมทีมมาตั้งแต่ปี 2018 - เขาค่อยๆ ปรุงแต่งจน เอลฟ์ ไปได้สวยในเส้นทางลูกหนัง

ฤดูกาล 2021-22 พวกเขาได้แชมป์ ลีกา 4 (โซนตะวันตกเฉียงใต้) พร้อมโควตาเลื่อนสู่ ลีกา 3 สำเร็จอีกครั้ง

ผลงานของ เอลเวอร์สแบร์ก ภายใต้การกำกับของ สเตฟเฟ่น ยังเดินหน้าอย่างมั่นคง แถมยังสร้างเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์ ลีกา 3 ซีซั่น 2022-23 พร้อมกับขยับไป ลีกา 2 แบบเหลือเชื่อ

ขุนพล เอลฟ์ ยังคงสร้างความตื่นตะลึงต่อเนื่อง เพราะในฤดูกาล 2024-25 ซึ่งเป็นปีที่สองที่อยู่ในลีกรองเยอรมัน แต่กลับทำแต้มจนจบอันดับ 3 พร้อมกับได้เล่นรอบเพลย์-ออฟ แต่ไปพลาดท่าต่อ ไฮเดนไฮม์ ไปด้วยสกอร์รวม 3-4 อดเลื่อนสู่ บุนเดสลีกา อย่างน่าเสียดาย

หลังจบซีซั่น สเตฟเฟ่น ถูก แวร์เดอร์ เบรเมน ดึงตัวไปคุมทัพ ทำให้ เอลเวอร์สแบร์ก ต้องแต่งตั้ง วินเซนต์ ว๊ากเนอร์ มาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่แทน

[ 2 ] เอลเวอร์สแบร์ก อยู่ที่ไหนในเยอรมัน

เอสเฟา เอลเวอร์สแบร์ก มีที่ตั้งอยู่ใน ชปีเซิน-เอลเวอร์สแบร์ก ซึ่งเป็นเขตเทศบาลของเมือง นอยน์เคียร์เชิน ในแคว้น ซาร์ลันด์ โดยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมัน โดยมีชายแดนติดกับประเทศฝรั่งเศส และลักเซมเบิร์ก

[ 3 ] สนามเหย้า

วัลด์ชตาดิโอน อัน แดร์ ไคเซอร์ลินเดอ คือรังเหย้าของ เอสเฟา เอลเวอร์สแบร์ก ซึ่งมีความจุราวๆ 10,000 ที่นั่ง และก็แทบจะเต็มอัฒจันทร์ในทุกๆ สัปดาห์ เนื่องจากผู้คนเมือง นอยน์เคียร์เชิน นั้นชื่นชอบฟุตบอลเอามากๆ เรียกได้ว่าเป็นกีฬาอันดับ 1 เลยทีเดียว

แม้จะสนามจะถือว่าเล็ก เมื่อเทียบกับสโมสรอื่นๆ ในประเทศ แต่ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศอบอุ่น, มีแฟนๆ ที่เหนียวแน่น ซึ่งแสดงออกด้วยความภักดีต่อทีมรักสูง

[ 4 ] ความสำเร็จ

หากนับรูปแบบการแข่งขันของลีกเยอรมัน สมัยใหม่ เอลเวอร์สแบร์ก เคยได้แชมป์ ลีกา 4 (โซนตะวันตกเฉียงใต้) อยู่ 2 สมัย ในปี 2017 และ 2022

ส่วนความสำเร็จล่าสุดคือการได้แชมป์ ลีกา 3 เมื่อฤดูกาล 2022-23 นั่นเอง

[ 5 ] เส้นทางที่น่าจับตามอง

เอลเวอร์สแบร์ก เป็นทีมที่ถูกสื่อมวลชนและแฟนฟุตบอลเยอรมัน ให้ความสนใจมากทีเดียว เนื่องจากเพิ่งเลื่อนชั้นจาก ลีกา 4 สู่ ลีกา 3 แล้วได้แชมป์ในปีเดียว

เท่านั้นไม่พอ ตอนได้เล่นใน ลีกา 2 พวกเขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะจบด้วยอันดับ 11 ของตารางในฤดูกาล 2023-24

จากนั้น เอลเวอร์สแบร์ก ก็เรียกเสียงฮือฮาด้วยการทำเซอร์ไพรส์คว้าโควตาเพลย์-ออฟลุ้นเลื่อนสู่ บุนเดสลีกา เมื่อซีซั่น 2024-25 ที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่แพ้ต่อ ไฮเดนไฮม์

เท่ากับว่าในห้วงเวลาเพียง 4 ฤดูกาล - เอลฟ์ เกือบจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เพราะไต่จาก ลีกา 4 สู่ ลีกา 3 แล้วไปต่อที่ ลีกา 2 ทั้งยังเกือบจะไปลีกสูงสุดได้สำเร็จ

[ 6 ] ผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกับ มิคเคลสัน

ปัจจุบัน ผู้เล่นของ เอสเฟา เอลเวอร์สแบร์ก ที่เล่นในตำแหน่ง 'ฟูลแบ็ก' มีทั้งหมด 4 คน ซึ่งแบ่งเป็นฝั่งซ้าย 1 และฟากขวาอีก 3 ราย

เริ่มจากทางซ้ายที่ ลาสเซอ กึนเทอร์ วัย 22 ปี อีกหนึ่งสมาชิกใหม่ของ เอลฟ์ ที่ย้ายมาจาก เอาก์บวร์ก โดยหมอนี่พกดีกรีทีมชาติเยอรมัน ชุดยู-16, 17, 18, 19 และ 20 อีกด้วย

ส่วนฝั่งขวานั้นมี ดาเนียล พันท์เชนโก้ แนวรับดาวรุ่งที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ซีซั่น 2024-25 ทั้งยังได้ เฟลิกซ์ ไคเดิล กับ ยาน กียาเมราห์ กองหลังมากประสบการณ์เข้ามาเสริมทัพ

จะเห็นได้ชัดว่าผู้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็กของ เอลเวอร์สแบร์ก นั้นเกือบจะยกแผงจากฤดูกาล 2024-25 ทั้งหมด เพราะนักเตะเก่าอย่าง เอเลียส เบาม์ นั้นย้ายไป แฟร้งค์เฟิร์ต ซึ่งอยู่ใน บุนเดสลีกา ขณะที่ เมาริซ นอยบาวเออร์ กับ อาร์เน ซิกเกอร์ นั้นหมดสัญญา

[ 7 ] เฮดโค้ช

น่าเสียดายที่ ฮอร์ส สเตฟเฟ่น โยกไปคุม แวร์เดอร์ เบรเมน หนึ่งในสโมสรใหญ่ของประเทศเยอรมัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มิเช่นนั้น นิโคลัส มิคเคลสัน จะได้ร่วมงานกับเทรนเนอร์มากฝีมือ

อย่างไรก็ตาม วินเซนต์ ว๊ากเนอร์ เฮดโค้ชคนใหม่ที่มาแทนก็น่าสนใจไม่เบา เพราะเป็นกุนซือหนุ่มที่เพิ่งจะวัยเพียง 39 ปี เท่านั้น แต่ก็ผ่านงานกับ โบคุ่ม และ ดรุ๊ยส์บวร์ก ชุดยู-19 รวมไปถึงล่าสุดกับการทำหน้าที่เฮดโค้ชทีมสำรองของ ฮอฟเฟ่นไฮม์

ฤดูกาล 2024-25 ที่ผ่านมา เขาเพิ่งพา ฮอฟเฟ่นไฮม์ II คว้าแชมป์ ลีกา 4 (โซนตะวันตกเฉียงใต้) ได้สำเร็จ โดยมีแต้มห่างจากอันดับสองถึง 9 คะแนน

ส่วนระบบการเล่นที่ ว๊ากเนอร์ นิยมใช้คือ 4-2-3-1 โดยเน้นเกมบุกเป็นหลัก เนื่องจากสมัยเป็นนักเตะ เขาคือผู้เล่นในตำแหน่งแนวรุกนั่นเอง

[ 8 ] นักเตะตัวหลัก

ด้วยความที่ผลงานในซีซั่น 2024-25 ของ เอลเวอร์สแบร์ก นั้นดีเอามากๆ ทำให้มีนักเตะหลายรายถูกสโมสรใหญ่มาคว้าตัวไปร่วมทัพ แต่ก็ยังพอมีกำลังหลักบางรายก็ยังคงอยู่กับสโมสร ไล่ตั้งแต่ นิโคลัส คริสโต๊ฟ ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง เจ้าของ 13 คลีนชีต (มากที่สุดใน ลีกา 2)

แนวรับฟูลแบ็กสองฝั่งอาจจะย้ายออกไปหมด แต่เซนเตอร์ฮาล์ฟคนสำคัญอย่าง ลูคัส ลูคัส พินเคิร์ต, ฟลอเรียน เล จงกูร์ และ แม็กซิมิเลียน โรร์ นั้นยังอยู่

แผงมิดฟิลด์ก็เป็นอีกตำแหน่งที่ผู้เล่นหลักของ เอลเวอร์สแบร์ก ไม่อยู่ต่อ เริ่มจาก เซมีห์ ซาฮิน ที่ถูก ไกเซอร์สเลาเทิร์น ดึงตัวไป เช่นเดียวกับ มูฮาเหม็ด ดามาร์ เพลย์เมเกอร์ตัวกลั่นนั้นต้องย้ายกลับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ หลังหมดสัญญายืมตัว

แต่ที่น่ากังวลที่สุดคือ ฟิสนิก อัสลานี ดาวซัลโวและแอสซิสต์สูงสุดของทีมในซีซั่น 2024-25 (19 ประตูกับ 10 แอสซิสต์) อย่าง ฟิสนิก อัสลานี นั้นก็กลับไป ฮอฟเฟ่นไฮม์ หลังหมดสัญญายืมตัวเช่นกัน

ดังนั้นซีซั่น 2025-26 เอลเวอร์สแบร์ก เลยแทบจะเป็นทีมใหม่ก็ว่าได้ ดังนั้นจึงน่าสนใจเหลือเกินว่าพวกเขาจะไปได้ไกลเพียงใด

ภาพจาก :