เวียร์ตซ์ เปล่งประกาย, เอ็นกูโมฮา ฉายแววอนาคต แต่แนวรับ ลิเวอร์พูล ต้องเสริมมั้ย?!

การที่ ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินคว้า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เข้ามาคือมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมิติใหม่ให้กับแนวรุก

หลังไม่ได้ลงสนามเกมกระชับมิตรนัดแรกกับ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ และลงเล่น 45 นาทีในเกมอุ่นเครื่องแบบปิดสนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วกับ สโต๊ค ซิตี้ เกมนี้จึงถือเป็นโอกาสแรกที่แฟนบอลจะได้ผลฟอร์มของเพลย์เมกเกอร์วัย 22 ปีเต็ม ๆ ตา

แน่นอนว่าค่าตัวระดับมหาศาลย่อมนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลเช่นกัน แต่ เวียร์ตซ์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย

เขาลงเล่นในบทบาทฟอลส์ไนน์หรือกองหน้าตัวหลอก โดดเด่นด้วยการเคลื่อนที่ที่ชาญฉลาดและการจ่ายบอลที่แม่นยำจนดูแล้วเพลินตา

เมื่อ ลิเวอร์พูล เสีย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไปให้ เรอัล มาดริด เวียร์ตซ์ ก็พร้อมเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างการสร้างสรรค์ที่หายไป

จังหวะหนึ่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ควรจะยิงเองหลังจากที่ได้บอลจาก เวียร์ตซ์ ที่จ่ายมาให้ แต่ "คิงโม" กลับเลือกจะส่งคืนให้ เวียร์ตซ์ ที่พาตัวเองมารอหน้าประตู ก่อนที่โอกาสนั้นจะหลุดลอยไป

เวียร์ตซ์ เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติในพื้นที่แคบ เล่นกับบอลฉลาด มีจังหวะหมุนตัวสวย ๆ ก่อนจะไหลบอลอย่างแม่นยำให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ แต่มันเข้าเท้าขวาจึงทำให้จบสกอร์ไม่ได้

ส่วนกองหน้าตัวเป้า อูโก้ เอกิติเก้ ยังไม่ได้มีชื่อในทีม เพราะเพิ่งร่วมซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์

ขณะที่ หลุยส์ ดิอาซ และ ดาร์วิน นูนเญซ ก็ไม่มีชื่อเช่นกัน ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องอนาคตที่จะย้ายออกไป

โดย ดิอาซ กำลังถูกตามจีบโดย บาเยิร์น มิวนิก ส่วน ดาร์วิน ก็ได้รับความสนใจจากทีมในซาอุดิอาระเบียต่อเนื่อง

แม้กระแสข่าวเรื่องการทุ่มเงินคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค จาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่อาจทำลายสถิติสโมสรยังคงเดินหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ เวียร์ตซ์ จะเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าสำหรับ ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน

…

คงไม่มีตัวอย่างไหนที่ชัดเจนไปมากกว่านี้อีกแล้ว กับคำถามที่ว่า ลิเวอร์พูล ยังต้องการเซ็นเตอร์แบ็กเพิ่มอีกมั้ย?

มันคือความจำเป็นเร่งด่วนของ ลิเวอร์พูล ที่ต้องทำสิ่งนั้น

เกมกับ เอซี มิลาน 45 นาทีแรก ไรอัน กราเฟนแบร์ก ถูกจับมายืนกองหลังจำเป็นเคียงข้าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

จากนั้นครึ่งหลัง เฮดโค้ชอาร์เน่อ เปลี่ยนผู้เล่น 9 คนแล้วส่ง คอสตาส ซิมิกาส หุบมาเล่นเซนเตอร์คู่ อิบราฮิม่า โกนาเต้

เดิมที ลิเวอร์พูล มีปัญหาที่ต้องเสริมทัพอยู่แล้วกับการตัดสินใจขาย จาเรลล์ ควอนซาห์ ออกไปด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์

และสถานการณ์ยิ่งแย่ไปอีกเมื่อ โจ โกเมซ ต้องบินกลับไป เมอร์ซี่ย์ ไซด์ เมื่อมีอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย

มันเป็นอีกครั้งที่เขาเจอเรื่องแบบนี้ ซึ่งแน่นอน เราไม่สามารถไว้วางใจเรื่องร่างกายของดาวเตะวัย 28 ปีได้เลย

ฤดูกาลก่อนเขาพลาดลงสนามช่วงครึ่งฤดูกาลหลังจากอาการเจ็บแฮมสตริง แล้วตอนนี้แค่ฝึกซ้อมไปไม่กี่ครั้ง ร่างกายก็ให้สัญญาณไม่พร้อมขึ้นมาอีก

ลิเวอร์พูล ยังให้ความสนใจ มาร์ค เกอี ขณะที่กำลังพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ ควบคู่กันไป

แต่ทีนี้เวลาก็เริ่มเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากเกมเปิดสนาม พรีเมียร์ลีก กับ บอร์นมัธ จะเริ่มขึ้นในอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์

แม้ กราเฟนแบร์ก จะเคยเล่นเป็นกองหลังมาบ้างเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ปัญหาคือการจับเขาลงไปเล่นตำแหน่งนั้น ย่อมทำให้แดนกลางอ่อนลง เพราะคุณต้องถอยผู้เล่นที่ดีที่สุดในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับของลีกลงไปเล่นแนวรับแทน

มิลาน เองก็ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ได้ตั้งแต่ต้นเกม เมื่อ ราฟาเอล เลเอา หลุดเข้าไปยิงจากมุมแคบเป็นประตูแรก

จากนั้นครึ่งหลังก็ยังเจาะได้อีก โดยเป็น รูเบน ลอฟตัส-ชีค กับ โนอาห์ โอคาฟอร์ ที่ต่างก็ยิงผ่าน จอร์จี้ มามาร์ดัชวิลี่ ได้ทั้งคู่

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล เสียอีกหนึ่งประตู จากความผิดพลาดของ ซิมิกาส ที่จ่ายบอลพลาด ทำให้ มามาร์ดัชวิลี่ ตกที่นั่งลำบาก

แล้ว โอคาฟอร์ ฉกฉวยโอกาสซัดประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ได้สำเร็จ

…

ริโอ เอ็นกูโมฮา กำลังเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่แฟนบอล จริง ๆ มันก็ไม่อยากที่จะเข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

ศักยภาพของเขายอดเยี่ยมเกินวัยเอามาก ๆ ทั้งที่ยังอายุไม่ครบ 17 ปีเต็มเลยด้วยซ้ำ

ลิเวอร์พูล ค่อย ๆ ประคบประหงมเด็กคนนี้นับตั้งแต่ดึงมาจาก เชลซี เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว โดยหลีกเลี่ยงที่จะดันขึ้นสู่กระแสความสนใจเร็วเกินไป ค่อย ๆ ใช้เวลาปรับตัวในอะคาเดมี่เป็นหลัก ซึ่งซีซั่นก่อน ได้ลงเล่นทีมชุดใหญ่เพียงนัดเดียวเท่านั้นคือเกม เอฟเอ คัพ กับ แอคริงตัน สแตนลี่ย์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดของสโมสรที่ออกสตาร์ทเกมทางการในวัย 16 ปี 135 วัน

มาถึงปัจจุบัน เอ็นกูโมฮา พร้อมแล้วที่จะรับบทบาทที่ใหญ่ขึ้น ทั้งในแง่สภาพร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเดิมจนพอจะรับมือความหนักหน่วงของฟุตบอลระดับอาชีพ ส่วนเรื่องพรสรรค์และทัศนคติ ไม่มีข้อกังขาอะไรใด ๆ

เกมนี้ เอ็นกูโมฮา ทำให้แฟนบอลประทับใจด้วยความเร็ว และลูกเล่นแพรวพราวจนแนวรับ เอซี มิลาน เจองานหนัก

เขามีส่วนสำคัญในจังหวะที่ ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ หลอกล่อ ฟิคาโย่ โทโมรี่ พยายามจะจ่ายต่อให้เพื่อนแต่ติด อเล็กซิส เซเลเมเกอร์ แล้วกลับมาเข้าทางจนป้ายต่อให้ โดมินิค โซโบซไล ที่จับบอลแล้วบรรจงปั่นโค้งผ่านมือ ไมค์ เมญอง

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เอ็นกูโมฮา ก็มีโอกาสได้สับไก จากการเลี้ยงผ่าน โทโมนี่ แล้วยิงด้วยซ้าย แต่บอลไปตรงตัว เมญอง

เด็กคนนี้เป็นนักเตะที่มีความกล้า และที่สำคัญ เขายังแสดงออกชัดเจนว่าอยากได้บอลมาเล่นกับตัวตลอดเวลา

HOSSALONSO