กองทัพเมียนมาสูญเสียเครื่องบินรบ ปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาล จำนวน 13 ลำ
กองทัพเมียนมา สูญเสียเครื่องบินรบในการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาล จำนวน 13 ลำ ในห้วงตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จนถึงปัจจุบันล่าสุด ถูกยิงตกในเมืองผาซอง รัฐคาเรนนี โดยมีทหารเสียชีวิตจำนวน 43 นาย
วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงของกองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนี KA เปิดเผยว่า ในห้วงตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา กองทัพเมียนมา ได้สูญเสียเครื่องบินรบและเครื่องบินลำเลียง รวมถึง 13 ลำ ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์ แบบ MI-35 จำนวน 4 ลำ , เฮลิคอปเตอร์แบบ MI-17 จำนวน 3 ลำ , เครื่องบินขับไล่ K-8 จำนวน 2 ลำ , เครื่องบินขับไล่ แบบ F- 7 จำนวน 1 ลำ , เฮลิคอปเตอร์ แบบ Eurocopter AS 365 Dauphin จำนวน 1 ลำ และ และเครื่องบินขับไล่ แบบ FTC 2000 G จำนวน 2 ลำ และมีทหารบนเครื่องบินเสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 43 นาย
แหล่งข่าวระบุต่อไปว่า เครื่องบินเหล่านั้นถูกยิงตกในพื้นที่รัฐคะฉิ่น , รัฐยะไข่ , รัฐฉาน ,ภาคพะโค และ รัฐคาเรนนี โดยในพื้นที่รัฐคาเรนนี กองทัพคาเรนนี สามารถยิงเครื่องบินรบของกองทัพเมียนมาตกถึง 5 ลำ สาเหตุหลักที่ถูกยิงตกเนื่องจากนักบินประมาท และบินต่ำ โดยทางกองทัพคาเรนนี ยังไม่ได้ใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานแบบ พื้นสู่อากาศแต่อย่างใด โดยมีการใช้เพียง ปืนกลต่อสู้อากาศยาน ขนาด .50 คาลิเบอร์ เท่านั้น ( ปก.93 ) ซึ่ง ปืนกลต่อสู้อากาศยานแบบ ปก.93 มีระยะยิง 6 กม. หากเครื่องบินของทหารเมียนมาบินต่ำกว่าระยะดังกล่าวจึงมีโอกาศถูกยิงตกสูงมาก
ในแต่ละครั้งที่เครื่องบินรบของทหารรัฐบาลเมียนมาถูกยิงตก ทางการจะรีบออกมาปฏิเสธว่า สาเหตุมาจากเครื่องขัดข้องและไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุของการตกหรือเก็บกู้ซากเครื่องบินและกล่องดำแต่อย่างใด