NASA เผชิญโจทย์ใหญ่ หลังจรวดขับดันโครงการอาร์เทมิสเกิดความเสียหายระหว่างการทดสอบ
เกิดเหตุขัดข้องระหว่างการทดสอบจรวดขับดันเชื้อเพลิงแข็ง (Solid Rocket Booster) รุ่นใหม่สำหรับโครงการอาร์เทมิสของ NASA โดยส่วนประกอบของหัวฉีดเกิดความเสียหายและมีเปลวไฟรั่วไหลออกมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการพัฒนาระบบปล่อยจรวดอวกาศ (SLS) ในอนาคต
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา โรงงานของบริษัท Northrop Grumman ในรัฐยูทาห์ ได้มีการทดสอบแบบสถิต (Static Test) ของมอเตอร์จรวดรุ่นอัปเกรดที่เรียกว่า Booster Obsolescence and Life Extension (BOLE) ซึ่งเป็นการทดสอบการเผาไหม้เต็มรูปแบบนานกว่า 2 นาที เพื่อจำลองสถานการณ์ระหว่างการปล่อยจรวดจริง
เหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการทดสอบ ประมาณ 100 วินาทีหลังเริ่มการเผาไหม้ โดยมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากส่วนบนของหัวฉีดจรวดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ระบบฉีดน้ำเพื่อระงับเหตุฉุกเฉิน (deluge system) จะถูกเปิดใช้งาน ทำให้เปลวไฟปะทุรุนแรงขึ้นชั่วขณะและพัดพาสิ่งของโดยรอบเข้าไปในเปลวไฟ สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทีมผู้ควบคุมการทดสอบ
จรวดขับดัน BOLE เป็นมอเตอร์เชื้อเพลิงแข็งแบบ 5 ส่วน ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มกำลังขับดันให้กับจรวด SLS Block 2 ซึ่งมีแผนจะใช้ในภารกิจอาร์เทมิส 9 เป็นต้นไป โดยมีการปรับปรุงวัสดุที่ใช้เป็นปลอกหุ้มคาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิตและเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงให้สูงขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้ในปัจจุบัน
จิม คาลเบอเรอร์ รองประธานฝ่ายระบบขับเคลื่อนของ Northrop Grumman ยอมรับว่าพบความผิดปกติในช่วงท้ายของการทดสอบ แต่ระบุว่า "ในฐานะที่เป็นการออกแบบใหม่และเป็นจรวดขับดันเชื้อเพลิงแข็งแบบแบ่งส่วนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา การทดสอบนี้ให้ข้อมูลอันมีค่าแก่เราเพื่อนำไปปรับปรุงการออกแบบสำหรับการพัฒนาในอนาคต"
อนาคตของจรวด BOLE และจรวด SLS รุ่น Block 2 ยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากร่างงบประมาณปี 2026 ของ NASA มีข้อเสนอให้ยุติการผลิตจรวด SLS หลังเสร็จสิ้นภารกิจอาร์เทมิส 3 ซึ่งสร้างความกังวลต่อโครงการพัฒนานี้
การที่หัวฉีดจรวด BOLE เกิดความเสียหายในการทดสอบถือเป็นปัญหาทางเทคนิคร้ายแรง เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมแรงขับ ซึ่งหากล้มเหลวในการปล่อยจริงจะนำไปสู่หายนะได้ทันที
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการออกแบบและทดสอบใหม่เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โครงการ SLS กำลังเผชิญเสียงวิจารณ์อย่างหนักเรื่องต้นทุนที่สูงและความล่าช้าเมื่อเทียบกับภาคเอกชน
ความล้มเหลวครั้งนี้จึงยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์เชิงลบและเพิ่มความเสี่ยงที่โครงการจะถูกตัดงบประมาณหรือยุติลงในอนาคต ดังนั้น ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดจึงไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาทางวิศวกรรม แต่เป็นการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความคุ้มค่าและความจำเป็นของโครงการ ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองและการแข่งขันที่สูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- NASA เผชิญโจทย์ใหญ่ หลังจรวดขับดันโครงการอาร์เทมิสเกิดความเสียหายระหว่างการทดสอบ
- มหากาพย์ดีล AI ถูกสกัด OpenAI และ Jony Ive ถูกฟ้องละเมิดและเลียนแนวคิดทางธุรกิจ
- Tesla ทดสอบส่งมอบรถยนต์ด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบครั้งแรก
- เปรียบเทียบเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B-2 Spirit และ B-21 Raider จากตำนานสู่อนาคตของการโจมตีทางอากาศ
- หุ่นยนต์นักก่อสร้างทำเครื่องหมายบอกพิกัดเร็วกว่าแรงงานมนุษย์ถึง 8 เท่า