โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ศบ.ทก. ย้ำ ไทยคุมตัวเชลยศึกตามอนุสัญญาเจนีวา ประณามกัมพูชาฟ้อง OHCHR บิดเบือน วอนเคารพความเป็นมนุษย์เก็บศพทหาร กต. เผยนานาชาติตอบรับ -เห็นใจ

สยามรัฐ

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 12.05 น. วันที่ 4 ส.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชาในห้วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายยังวางกำลังในพื้นที่ ในที่มั่นของตนเองไม่มีการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ ทั้งนี้มีรายงานว่า ทางกัมพูชาได้มีการดัดแปลงที่มั่น และมีการเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่หลัก ประกอบด้วย ปราสาทตาเหมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องโดนเอาว์ ช่องคานม้า ช่องตาเฒ่า สัตตะโสมและภูผี โดยมีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาทดแทนกำลังที่สูญเสียในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าฝ่ายกัมพูชาได้รับการสูญเสียเป็นจำนวนมาก

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า อย่างที่ทราบกัน เราก็ได้มีการควบคุมตัวเชลยศึกจำนวน 20 นาย ได้ส่งกลับไปแล้ว 2 นาย เนื่องจากบาดเจ็บ 1 นาย และป่วยเป็นจิตเวช 1 นาย ในปัจจุบันอยู่ในการควบคุม 18 นาย ของฝ่ายไทย ทั้งนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ได้มีการส่งคำร้องไปยังสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือ OHCHR โดยกล่าวหาว่า ฝ่ายไทยได้ควบคุมตัวทหารกัมพูชา ซึ่งผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ถือเป็นความพยายามที่บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง

“ฝ่ายไทยขอประณาม เรื่องการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของกัมพูชาในเรื่องนี้ ซึ่งตนอยากจะชี้แจงให้ทราบว่า ทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด ถือว่าเป็นเชลยศึก ซึ่งคำว่าเชลยศึกนั้น มีนิยามจำกัดความว่า เป็นผู้สังกัดในกองทัพภาคีคู่พิพาท ซึ่งไทยและกัมพูชา ถือว่าเป็นภาคีอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งมีการบ่งชัดในเรื่องของการปฎิบัติต่อเชลยศึก และอนุสัญญาเจนีวาได้มีผลบังคับใช้ในประเทศที่มีสงคราม หรืออยู่ในสภาวะที่ขัดกันด้วยอาวุธ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นเงื่อนไขที่เราปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกคุมตัวในฐานะเป็นเชลยศึก” พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า การปฏิบัติของฝ่ายไทยต่อเชลยศึกที่ผ่านมา ได้มีการปฏิบัติโดยมีการเคลื่อนย้ายเชลย ทั้งหมดออกจากพื้นที่ที่เสี่ยง รวมถึงได้ดำเนินการจัดให้มีแพทย์ตรวจร่างกายและสุขภาพของเชลยศึก ได้มีการช่วยเหลือในการจัดหาอาหารน้ำดื่ม เสื้อผ้าอย่างเหมาะสม และเพียงพอ ทั้งนี้เราได้มีการปล่อยตัวผู้บาดเจ็บไปแล้ว 2 นาย ทั้งนี้เมื่อสภาวะของการขัดกันด้วยอาวุธ คือสภาวะของการรบนั้นสิ้นสุดลง หน้าของประเทศที่ควบคุมตัวเชลยศึก ก็จะมีการปล่อยตัวกลับประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้สถานะนั้นยังไม่สิ้นสุดลง เพราะการแค่หยุดยิงนั้น ไม่ถือว่าเป็นการสิ้นสุดสภาวะการขัดกันด้วยอาวุธ โดยการปฎิบัติที่ผ่านมา เรายังควบคุมตัวไว้ทั้งหมด 18 นาย

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประท้วงข้อกล่าวหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ที่กล่าวหาว่า ไทยละเมิดการปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุมตัวหรือเชลยศึก นอกจากนี้เพื่อเป็นการแสดงความโปร่งใส และเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกทราบ ในสัปดาห์นี้ฝ่ายไทยได้เชิญผู้แทนจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ สำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติลงพื้นที่ เพื่อเยี่ยมทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เรื่องของศพทหารกัมพูชา สังเกตได้ว่า รัฐบาลและกองทัพกัมพูชามีการเพิกเฉย มีการละเลยต่อการปฎิบัติต่อศพทหารของตนเอง ทั้งนี้ประเทศไทยขอเน้นย้ำว่า เรายึดในเรื่องของหลักมนุษยธรรมเสมอมา แม้ว่าเราเป็นฝ่ายถูกกระทำก็ยังเคารพต่อชีวิต และศักดิ์ศรีของมนุษย์ไม่ว่าผู้นั้นจะสังกัดชาติใด โดยการปฏิบัติที่ผ่านมา เราได้เล็งเห็นว่าการปฏิบัติต่อศพของฝ่ายกัมพูชาได้มีการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรมสากลขั้นพื้นฐาน คือการทอดทิ้งร่างผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะทหารของตนเอง ไม่ใช่เพียงการขัดต่อหลักศีลธรรม แต่ยังเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน โดยอ้างอิงหลักอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 4 ว่าด้วย การเก็บรักษาและเคารพร่างผู้เสียชีวิตจากการสู้รบ

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เราเห็นการปฎิบัติของทางฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดเพิกเฉย คือการละเมิดต่อเกียรติยศของกองทัพกัมพูชา คือ การไม่ดำเนินการใดๆ ต่อร่างของทหารที่เสียชีวิตของตนเอง ย่อมสะท้อนถึงการละเลยศักดิ์ศรีของความเป็นทหารของประเทศตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้า น่าเสียใจ และสร้างผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของทหารกัมพูชาที่ยังมีชีวิตอยู่ และครอบครัวของผู้เสียชีวิต ตามที่เราทราบกันในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ทางครอบครัวกัมพูชาได้เรียกร้อง ค้นหาญาติตัวเองที่สูญหาย ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังเพิกเฉยต่อกรณีดังกล่าวด้วย รวมถึงเรื่องการจัดการศพที่ขัดต่อหลักศาสนา วัฒนธรรมของกัมพูชา เพราะกัมพูชานับถือศาสนาพุทธ การที่ไม่จัดการศพของทหารตนเอง ถือเป็นการละเมิดหลักศาสนาและขนบธรรมเนียมอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขลักษณะข้ามแดน การปล่อยศพไว้ โดยไม่เก็บกู้ อาจจะส่งผลต่อสุขลักษณะในพื้นที่ และอาจจะกลายเป็นประเด็นความเดือดร้อนที่ลุกลามเป็นปัญหาข้ามพรมแดนด้วย ถือว่าการรักษาสุขอนามัยต่างๆ นั้น นอกจากเรื่องของกลิ่น เรื่องความสกปรก การแพร่เชื้อโรคต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนไทย- กัมพูชา ตนขอวิงวอนและกล่าวไปยังฝ่ายกัมพูชาเรื่องการเคารพสิทธิหลักพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของประชาชนชาวกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารที่เสียสละสู้รบให้กับประเทศ

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชน เรื่องของการงดผลิตหรือเผยแพร่ข่าวปลอมประเด็นต่างๆ เหล่านี้มีผลกระทบต่อความวิตกกังวลของประชาชนในพื้นที่ เช่น กรณีข่าวปลอมที่มีการเคลื่อนย้ายของทหารในพื้นที่ ทำให้เกิดความกังวล ความตื่นตระหนกของประชาชนในพื้นที่ ขอวิงวอนในเรื่องของการผลิต หรือการเผยแพร่ข่าวปลอมนั้นขอให้งด

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการตรวจพบ การบินโดรนโดยผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยปัจจุบันสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. ถึงวันที่ 15 ส.ค.โดยผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขอเชิญชวนประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องทหารผ่านศึก และนักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศ อาศัยความรู้ ความสามารถ ที่ได้ร่ำเรียนมาในเรื่องของการเป็นทหาร ช่วยกันตรวจสอบ โดยเฉพาะในพื้นที่ของทัพภาคที่ 1 ทัพภาคที่ 2 สอดส่องดูว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดี หรือประสงค์ร้ายในการดำเนินการพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ทั้งนี้หากมีการตรวจพบขอให้แจ้งไปที่ศูนย์ต่อต้านโดรน หรือศูนย์แจ้งเหตุใกล้พื้นที่ เช่นสถานีตำรวจท้องที่ หน่วยทหาร หรือหน่วยความมั่นคงที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆ เพื่อช่วยดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เราทุกคนไม่ว่าจะเป็น ทหารผ่านศึกหรือนักศึกษาวิชาทหารต่างๆ รวมถึงประชาชน สามารถมีส่วนร่วมได้ เราร่วมกันเป็นทีมไทยแลนด์ เพื่อดูแลความมั่นคงของชาติด้วยกัน สำหรับมาตรการเชิงรุก ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการครอบครองโดรนทั่วประเทศ โดยจะมีการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในเรื่องของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตบิน ข้อมูลของผู้ขออนุญาตใช้ความถี่ โดยตำรวจทุกสถานี จะนำข้อมูลต่างๆ ตรวจสอบอากาศยาน การปฎิบัติตามข้อกฎหมายอนุญาต

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการประชาสัมพันธ์ และขอความร่วมมือกับประชาชน และผู้ที่ใช้อากาศยานโดรน ให้ยึดถือ และปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักในความสำคัญ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม โดยได้ดำเนินการไปแล้วในบางพื้นที่ และพบว่า ยังมีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบอยู่ ซึ่งได้ทำการตักเตือน และขอความร่วมมือประชาชนในการปฎิบัติตามกฎหมาย ซึ่งต่อจากนี้ไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลการใช้โดรนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้บินโดรนใดๆ ทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นเชิงพาณิชย์หรือเชิงการเกษตร

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนกำหนดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา (จีบีซี) ระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค.นี้ ขอเน้นย้ำว่าในช่วง วันที่ 4-6 ส.ค. ยังเป็นการประชุมของฝ่ายเลขานุการร่วมของฝ่ายไทยและกัมพูชา ไม่มีประเทศอื่นเข้ามาร่วม จากนั้นในวันที่ 7 ส.ค.จะเป็นการประชุมจีบีซี ซึ่งเป็นการประชุมหลัก โดยองค์ประกอบจะมีเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งกรมภูมิภาคที่ดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงกรมสนธิสัญญาที่จะดูแลเรื่องของตัวบทกฎหมาย นอกจากนี้จะมีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงกลาโหม คือสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม รวมถึงกรมพระธรรมนูญ จะเข้าร่วมคณะในการประชุมนอกจากนี้มีผู้แทนกองทัพ ได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ได้แก่ ทหารบก และทหารอากาศ ประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารไทย ทั้งหมดนี้คือองค์ประกอบของคณะฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมจีบีซี มีคำถามจากประชาชนเยอะว่าผู้สังเกตการณ์จะเข้าร่วมในเวทีไหนได้บ้าง ซึ่งผู้สังเกตุการณ์ในโอกาสนี้จะมีจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน จะเข้าร่วมเฉพาะการประชุมหลักในวันที่ 7 ส.ค. ขอยืนยันตามนี้

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวด้วยว่า ขอฝากติดตามข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงต่างๆสามารถติดตามได้ทางเพจเฟซบุ๊กของศูนย์เฉพาะกิจชายแดนไทยกัมพูชา ทีมไทยแลนด์ ทั้งนี้ทุกท่านสามารถเป็นพลังให้กับประเทศชาติ เรารวมใจไทยเป็นหนึ่ง เราร่วมกันในเรื่องการรักษาดูแลอธิปไตยของประเทศชาติและร่วมต่อสู้กันต่อไปในสภาวะการณ์เช่นนี้เพื่อให้ประเทศชาติเรายั่งยืนและมีความสงบสุขสันติสุขต่อไป

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศน์ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย- กัมพูชา ต่อประชาคมโลก โดยตลอดช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลก รวมถึงผู้บริหารระดับสูง ได้ใช้โอกาสต่างๆ ชี้แจงข้อเท็จจริง และจุดยืนของไทยผ่านช่องทางการทูต และเวทีโลกที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่น การชี้แจงของอธิบดีกรมยุโรปในการประชุม Helsinki +50 ภายใต้กรอบขององค์องค์กรว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSEC)

นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูง และท่านทูตของไทยท่านอื่นๆ ได้เข้าพบกับบุคคลระดับสูงของประเทศต่างๅ และให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูล และตอบข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ พร้อมตอกย้ำท่าทีของไทยที่มุ่งแก้ปัญหาอย่างสันติ และการดำเนินการที่มีความโปร่งใส เน้นข้อเท็จจริงโดยไม่บิดเบือน

นางมาระตี กล่าวอีกว่า จากรายงานของท่านทูตไทยทั้งหลายที่ผ่านมา ทราบว่าการดำเนินงานของฝ่ายไทยในลักษณะนี้ได้รับการตอบรับด้วยดีจากมิตรประเทศต่างๆ ที่ได้แสดงความเห็นใจ และสนับสนุนแนวทางการดำเนินการของฝ่ายไทย

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังได้จัดบรรยายสรุปกับคณะทูต และเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เพื่อให้ข้อเท็จจริงกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และเป็นวงกว้าง โดยช่วงเช้าของวันนี้ (4 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูต และองค์การระหว่างประเทศอีกครั้ง เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา มีผู้เข้าร่วม 121 คน จาก 74 ประเทศ 1 องค์กร และอีก 16 องค์การระหว่างประเทศ เป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสถานการณ์ล่าสุด ซึ่งการบรรยายสรุปจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงหลายกรณีที่กัมพูชาสร้างข่าวปลอมขึ้นมา ซึ่งรมว.ต่างประเทศ เป็นผู้นำบรรยายเอง

นางมาระตี กล่าวด้วยว่า วันนี้ (4 ส.ค.) เวลา 18.00 น. ตน และโฆษกศบ.ทก. ฝ่ายความมั่นคง จะไปร่วมเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ในหัวข้อ “การรายงานข่าว และแนวทางการศึกษาสาธารณะ เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา” ซึ่งเปิดให้ทั้งสื่อไทย สื่อต่างประเทศ และสาธารณชน ร่วมกับฟังได้ด้วย เพื่อเป็นช่องทางสำคัญที่จะได้พูดคุยถึงแนวทางการทำงานของเราในเรื่องนี้ และแสดงถึงความพร้อมของพวกเราที่จะแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็น และมีปฏิสัมพันธ์ กับสื่อมวลชนอย่างเปิดเผย และสร้างสรรค์เกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น สงครามข้อมูลข่าวสาร และแนวทางบริหารสถานการณ์

สุดท้ายขอส่งกำลังใจให้คณะผู้แทนไทยที่ประชุมกำลังประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญของการกลับสู่โต๊ะเจรจาบนพื้นฐานของความสุจริต เพื่อลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

“ซี–นุนิว” ปิดตำนานความฟิน! ใน “ข้ามฟ้าเคียงเธอ The Next Prince Series Final Ep” อิ่มเอมทั้งรอยยิ้มและน้ำตา

12 นาทีที่แล้ว

"ภูมิธรรม" เซ็นปลดล็อกโป๊กเกอร์ให้จัดแข่งขันได้ถูกกฎหมาย ยกสถานะเป็นกีฬาเชิงกลยุทธ์

19 นาทีที่แล้ว

มองข้ามช็อต วันที่ไม่มี “อิ๊งค์” !?

25 นาทีที่แล้ว

“บิ๊กเล็ก” ยันโดรนเขมรป่วนไทย ชี้สถานการณ์ยังเปราะบาง

27 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

จับชาวกัมพูชาลอบบินโดรน พร้อมทิ้งกล่อง ‘จีพีเอส’ ชี้พิกัดจุดทิ้งระเบิด

ไทยโพสต์

”ภูมิธรรม“ โยน แม่ทัพภาค 2 แก้ปัญหาโดรนบินว่อนชายแดน จ่อขยายงบเยียวจ่ายเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตเพิ่ม

THE ROOM 44 CHANNEL

สรุปเหตุสู้รบชายแดนรายวัน 4 ส.ค. กัมพูชาเพิ่มกำลัง-บินโดรน-ปล่อยข่าวป่วน

The Bangkok Insight

ไอเอฟดีโพล ชี้ คนส่วนใหญ่มอง รัฐบาลไทย ไม่ทันเกมกัมพูชา

AEC10NEWs

"ภูมิธรรม" เซ็นปลดล็อกโป๊กเกอร์ให้จัดแข่งขันได้ถูกกฎหมาย ยกสถานะเป็นกีฬาเชิงกลยุทธ์

สยามรัฐ

เมื่อถึงเวลาจัดการบริหารโดรน เพราะภัยความมั่นคง – กสทช.

NewsXtra

ข่าวและบทความยอดนิยม