Tesla อนุมัติหุ้นมูลค่า 9.7 แสนล้านบาท รั้ง ‘อีลอน มัสก์’ ไว้กับบริษัท หลังขู่ตีจากหากไม่ได้อำนาจควบคุมเพิ่ม
คณะกรรมการบริหารของ Tesla ได้อนุมัติแพ็กเกจค่าตอบแทนใหม่ให้กับซีอีโอ อีลอน มัสก์ เป็นจำนวนหุ้น 96 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.71 แสนล้านบาท) เพื่อรั้งตัวผู้บริหารมหาเศรษฐีรายนี้ไว้กับบริษัท หลังจากที่เขาขู่ว่าจะตีจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ หากไม่ได้รับหุ้นเพื่อเพิ่มอำนาจควบคุมบริษัทมากขึ้น
เมื่อวันจันทร์ (4 สิ.ค.) ที่ผ่านมา Tesla ได้ยื่นเอกสารระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวได้รับการแนะนำโดยคณะกรรมการพิเศษซึ่งประกอบด้วยประธานบอร์ด รอบิน เดนโฮล์ม และกรรมการอีกหนึ่งท่านคือ แคธลีน วิลสัน-ธอมป์สัน โดยบริษัทระบุในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า “การรักษาอีลอนไว้มีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา” และ “เรามั่นใจว่ารางวัลนี้จะจูงใจให้อีลอนยังคงอยู่กับ Tesla”
การอนุมัติครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับแพ็กเกจค่าตอบแทนเดิมในปี 2018 มูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.81 ล้านล้านบาท) ซึ่งถูกผู้พิพากษาศาลเดลาแวร์ แคธาลีน แมคคอร์มิค สั่งให้เป็นโมฆะเมื่อเดือนมกราคม 2024 โดยให้เหตุผลว่ามีมูลค่าสูงเกินไปและบอร์ดบริหารตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของมัสก์มากเกินไป
คำตัดสินดังกล่าวทำให้มัสก์ขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะออกจากบริษัท เว้นแต่เขาจะได้รับการควบคุมที่มากขึ้น โดยอ้างว่าเขาอาจ ‘ถูกกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงบริษัท รวมตัวกันปลดออกจากตำแหน่งได้โดยง่าย’ ซึ่งการได้รับหุ้นใหม่ 96 ล้านหุ้นนี้ จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของเขาเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 13% เป็นประมาณ 16%
ภายใต้ข้อตกลงใหม่ซึ่งบริษัทเรียกว่าเป็น ‘ค่าตอบแทนฉบับเบื้องต้น’ มัสก์จะต้องอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงต่อไปอีกอย่างน้อยสองปี และจะต้องถือหุ้นที่ได้รับเป็นเวลาห้าปี
โดยรางวัลนี้จะถูกยกเลิกหากศาลฎีกาเดลาแวร์กลับคำตัดสินและคืนสิทธิ์แพ็กเกจเดิมในปี 2018 ให้กับเขา เพื่อป้องกันการได้รับผลประโยชน์ซ้ำซ้อน
การตัดสินใจของบอร์ดครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่ Tesla กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งยอดขายที่ลดลงจากไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เริ่มเก่า การแข่งขันที่รุนแรง และภาพลักษณ์แบรนด์ที่เสียหายจากจุดยืนทางการเมืองของมัสก์ ซึ่งข้อมูลจาก S&P Global Mobility ชี้ว่า ‘ความภักดีต่อแบรนด์’ ของ Tesla ลดลงอย่างมาก
บอร์ดบริหารให้เหตุผลว่า การรั้งตัวมัสก์ไว้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่ออนาคตของบริษัทในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจปัญญาประดิษฐ์และแท็กซี่ไร้คนขับ โดยมองว่ามัสก์คือ ‘แม่เหล็กดึงดูดบุคลากร’ ที่มีความสามารถสูง และการสูญเสียเขาไปก็หมายถึงการสูญเสียผู้นำที่เป็นศูนย์รวมของบุคลากรเหล่านั้นด้วย
แดเนียล ไอฟส์ นักวิเคราะห์จาก Wedbush มองว่าข่าวดังกล่าวเป็นผลดี โดยเชื่อว่าจะช่วยขจัดแรงกดดันต่อราคาหุ้นและรั้งตัวมัสก์ไว้กับบริษัทไปจนถึงปี 2030 เป็นอย่างน้อย
“มัสก์ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Tesla และความไม่แน่นอนเรื่องค่าตอบแทนของเขาสร้างความกังวลให้ผู้ถือหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง” ไอฟส์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ชาร์ลส์ เอลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรษัทภิบาลจากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ กลับมองต่างออกไป โดยวิจารณ์ว่านี่เป็นเพียง ‘แพ็กเกจเดิมในเวอร์ชันใหม่’ ของสิ่งที่ศาลเคยตัดสินไปแล้วว่าไม่เหมาะสม และมองว่ามัสก์ไม่จำเป็นต้องได้รับแรงจูงใจเพื่อให้อยู่ต่อ เพราะการทิ้งหุ้น 13% ที่มีอยู่ก็ถือเป็นความสูญเสียมหาศาลสำหรับเขาอยู่แล้ว
*หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.38 บาท ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2568*
ภาพ : Andrew Harnik/Getty Images
อ้างอิง: