โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

เปิดข้อเรียกร้องเกษตรกร รับ “อรรถกร” รมว.เกษตรฯ ป้ายแดง

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันนี้ (1 ก.ค.2568) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศ ลงวันที่ 3 กันยายน พุทธศักราช 2567 นั้น

โดยหนึ่งในรัฐมนตรีสำคัญที่เกษตรกรให้ความสำคัญและสนใจคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายภาคเกษตรของประเทศที่ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่เป็นนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ที่อดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว ทั้งนี้เกษตรกรในภาคต่าง ๆ มีความหวังและมีข้อเสนออะไรบ้างกับรัฐมนตรีเกษตรฯ ป้ายแดงที่จะมาช่วยทำให้เกษตรกรสาขาต่าง ๆ มีความยั่งยืนในอาชีพ

กังวลค่าเงินบาททุบซ้ำราคายางดิ่ง

เริ่มจาก ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ที่เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจากการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ของสยท. เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 สมาชิกทุกท่านได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ราคายางพาราที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศโดยเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ

อาทิ ผลผลิตล้นตลาดการนำเข้าน้ำยางข้นในราคาถูกการแข่งขันจากยางสังเคราะห์ ค่าเงินบาทที่เแข็งค่า ความต้องการใช้ยางพาราที่ลดลง และภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แม้ว่าสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) จะได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหานี้ต่อหน่วยงานภาครัฐหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นสมาคมฯจึงขอให้รัฐมนตรีฯพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวใหม่โดยเร่งด่วนดังนี้

1.การแก้ไขปัญหาการนำเข้าน้ำยางข้นที่สวนทางกับนโยบายรัฐบาล

สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) ขอแสดงความกังวลเร่งด่วนต่อกรณีที่มีการนำเข้าน้ำยางข้นสูตรเฉพาะจากต่างประเทศในปริมาณสูงผิดปกติในปี 2567 ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสกัดกั้นการนำเข้ายางเถื่อนและควบคุมการนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายบริเวณชายแดนอย่างเข้มงวดการนำเข้าดังกล่าวอาจเป็นเพียงข้ออ้างของผู้ประกอบการเพื่อนำเข้ายางราคาถูก ซึ่งกำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคายางในประเทศทำให้เกษตรกรต้องขายยางต่ำกว่าต้นทุนและอาจนำไปสู่การล่มสลายของอุตสาหกรรมยางไทย

"ขอความกรุณาให้ท่านรัฐมนตรีพิจารณาและให้คำตอบเกี่ยวกับนโยบายที่ชัดเจนในการบริหารจัดการและควบคุมการนำเข้ายางพารา รวมถึงให้ยกเลิกหนังสือที่ กษ0939/ว1193 ลว. 23 พฤษภาคม 2568 เพราะกรมวิชาการเรียกผู้ซื้อยางโดยยอมรับว่าราคายางต่างประเทศถูกกว่ายางในประเทศสยท. จึงของดการสั่งยางเข้าทั้งหมดโดยยกเว้นสั่งตัวอย่างไม่เกิน 5 กิโลกรัมตาม พ.ร.บ. เท่านั้นการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2542 รวมถึงมาตรา 26 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าเกษตร"

แนะเพิ่มรายได้ยั่งยืน ลดต้นทุนได้จริง

2. การเร่งปรับชั้นพันธุ์ยางและส่งเสริมการใช้พันธุ์ยางประสิทธิภาพสูง ตามปกติการประกาศชั้นยางจะเกิดขึ้นทุก 4 ปีแต่ปัจจุบันผ่านมาแล้วถึง 12 ปียังไม่มีการประกาศชั้นยางซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดและเกษตรกรสยท. ขอเสนอแนวทางการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตผ่านการดำเนินการดังนี้ :

"การปรับชั้นพันธุ์ยาง RRIM 600: ขอให้ท่านรัฐมนตรีใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2542 มาตรา 8 สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรลดชั้นพันธุ์ยาง RRIM 600 ลงเป็นยางชั้น 3เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตต่ำ (ประมาณ 220 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี) และไม่ทนทานต่อโรคทั้งที่เจ้าของพันธุ์อย่างสถาบัน RRIM ประเทศมาเลเซียได้ยกเลิกการส่งเสริมพันธุ์นี้มานานกว่า 30 ปีแล้วเพื่อเป็นการส่งเสริมและจูงใจให้เกษตรกรหันไปปลูกพันธุ์ยางที่ให้ผลผลิตสูงกว่าและทนโรคได้ดีกว่าเช่นพันธุ์ยาง RRIT 3904 ซึ่งให้ผลผลิตสูงถึง 400 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี"

สำหรับการสนับสนุนการใช้อีทีฟอนพลัส 5%: ในอดีตสถาบัน RRIM มาเลเซียได้ใช้อีทีฟอนพลัสเพื่อแก้ปัญหาผลผลิตจากพันธุ์ยาง RRIM 600 และประเทศไทยก็เคยมีการสั่งเข้ามาใช้ได้แต่ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรได้มีข้อห้ามสมาคมฯจึงขอเสนอให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดสรรอีทีฟอนพลัส 5% ให้เกษตรกรที่ปลูกพันธุ์ RRIM 600 ฟรีเป็นระยะเวลา 2 เดือน (ไม่เกิน 15 ไร่ต่อราย) โดยใช้งบประมาณประมาณ 150 ล้านบาท จากเงินอุดหนุนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2558 มาตรา 49 (3) การดำเนินการนี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตน้ำยางได้ถึง 2 เท่าช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในระยะสั้นและหลังจากนั้นขอให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)พิจารณานำอีทีฟอนพลัส 5% เข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเกษตรกรเพิ่มรายได้และรักษาระดับราคายางให้มีเสถียรภาพโดยไม่ต้องพึ่งพิงการประกันรายได้จากรัฐบาลในระยะยาว

3. การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตด้วยปุ๋ยสั่งตัด (ข้อเสนอที่กนย. เห็นชอบแล้ว)สมาคมฯขอเสนอแนวทางการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางพาราด้วยการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดหรือปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินซึ่งคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ได้เห็นชอบในหลักการนี้แล้วปัจจุบันเกษตรกรจำนวนมากยังคงใช้ปุ๋ยเคมีในสูตรและปริมาณที่ไม่เหมาะสมซึ่งนอกจากจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นแล้วยังอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตในระยะยาวการใช้ปุ๋ยสั่งตัดจะช่วยให้เกษตรกรสามารถใส่ปุ๋ยได้ตรงตามความต้องการของธาตุอาหารในดินและพืชยางแต่ละชนิดซึ่งจะช่วย:

1.ลดต้นทุนค่าปุ๋ยที่ไม่จำเป็นลงได้มาก

2.เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหารของพืช

3.เพิ่มปริมาณผลผลิตน้ำยางและคุณภาพของยางให้สูงขึ้น

4. รักษาสมดุลของธาตุอาหารในดินและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เร่งส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกรและสนับสนุนให้มีการจัดหาบริการวิเคราะห์ดินและแนะนำสูตรปุ๋ยสั่งตัดที่เข้าถึงง่ายและมีราคาเหมาะสมเพื่อเป็นอีกหนึ่งมาตรการในการลดภาระต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับหลักการส่งเสริมการผลิตที่มีประสิทธิภาพตามพระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2542

งัดยาแรง พรบ.ควบคุมยางฯ สกัดไอ้โม่งป่วนราคา

4.การเร่งดำเนินการกำหนดมาตรฐานยางทุกชนิด ซึ่งกระทรวงฯ มี พระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2542 มาตรา 4 และมาตรา 7กำหนดให้มีการกำหนดมาตรฐานสำหรับยางทุกชนิดเพื่อเป็นมาตรฐานในการซื้อขายและควบคุมคุณภาพรวมถึงการกำหนดมาตรฐานสำหรับยางสูตรพิเศษอย่างไรก็ตามเป็นเวลา 12 ปีแล้วที่ยังไม่มีการประกาศชั้นยางตามค่าที่ชัดเจนตามพิธีที่เคยปฏิบัติมาโดยประกาศ 4 ปีครั้งและมาตรฐานยางต่างๆที่เป็นปัจจุบันโดยการประกาศชั้นยางครั้งสุดท้ายในราชกิจจานุเบกษาคือเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2556 ความล่าช้านี้ถือเป็นความผิดปกติอย่างมากและส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรทำให้เกิดความสับสนในการกำหนดราคาและสร้างความเสียเปรียบในการขายผลผลิต

5.การบังคับใช้กฎหมายเพื่อความโปร่งใสในตลาดและการให้ข้อมูลแก่เกษตรกร เพื่อให้การซื้อขายยางพารามีความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อเกษตรกรสมาคมฯขอความกรุณาให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดดังนี้

  • การรายงานข้อมูลการค้าของผู้ค้ายาง:ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2542 มาตรา 23 ซึ่งกำหนดให้ผู้ค้ายางต้องจัดทำบัญชีแสดงปริมาณการซื้อยางการจำหน่ายยางและปริมาณยางคงเหลือของทุกๆเดือนและจัดส่งบัญชีดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไปอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยในการบริหารจัดการและกำกับดูแลตลาด

  • การแจ้งข้อมูลการขายล่วงหน้า:ขอให้กรมวิชาการเกษตรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกลไกในการแจ้งให้เกษตรกรได้รับทราบถึงราคายางที่มีการซื้อขายล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรสามารถประเมินสถานการณ์ตลาดและคำนวณช่องว่างของกำไรขาดทุนได้ล่วงหน้าซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรวางแผนการผลิตและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ขอให้เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมยางและเรียกประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทันทีจากประเด็นปัญหาสำคัญทั้ง 5 ข้อที่ได้กล่าวมาข้างต้นสยท. จึงขอเรียกร้องให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะผู้รับผิดชอบตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2542 เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมยางให้ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติควบคุมยางพ.ศ. 2542 มาตรา 11 โดยด่วนที่สุด

และเมื่อคณะกรรมการครบถ้วนแล้วจึงเร่งเรียกประชุมคณะกรรมการควบคุมยางและได้โปรดเสนอให้นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) โดยด่วนที่สุดเพื่อพิจารณาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมและทันท่วงทีการปล่อยปละละเลยจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศและอาจนำไปสู่การล่มสลายของอุตสาหกรรมยางพาราไทยในที่สุด”

อย่างไรก็ดีหากข้อเสนอของ สยท. ควรให้นักวิชาการเรื่องยางวิเคราะห์หากไม่เห็นด้วยก็ควรเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่ทุกฝ่ายเห็นชอบทางสยท. ไม่ขัดข้องและมีความยินดีให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและดำเนินการโดยเร่งด่วน

ไขลาน ไร่ละพันช่วยชาวนาปรัง รับมือข้าวทะลักนาปีรอบใหม่

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า วันนี้ (1 ก.ค.68) ได้ยกหูโทรแสดงความยินกับคุณอรรถกร เรียบร้อยแล้ว และได้รับข้อเสนอจากสมาคมที่ช่วยเหลือผลักดันการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาปรังไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ที่ก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568

และล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุม มีมติเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ได้ให้คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิตมาจัดการประชุม วันที่ 30 มิถุนายน 2568 มาเลื่อนไม่ได้ประชุม โดยกรมการข้าวแจ้งว่าเลื่อนเนื่องจากต้องรอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่มาสานต่อ ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางรัฐมนตรีก็รับปากแล้ว พร้อมกับให้รีบเตรียมความพร้อมรับข้าวฤดูนาปี 2568/69 ให้เร็วที่สุด รวมถึงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่ม 1,300 -1,400 กิโลกรัมต่อไร่ ตลอดจนแหล่งน้ำทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นคู คลอง หนองบึง เส้นทางต่างๆ ต้องมีน้ำไร่นาอย่างทั่วถือ

“สมาคมชาวนาฯ มีความคุ้นเคยกับรัฐมนตรีคนใหม่ ตั้งแต่ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ก็ได้รับการช่วยเหลือเกษตรกรมาแล้ว ก็ทราบว่าท่านเป็นคนเก่ง เป็นลูกชาวนาแท้ และจากประสบการณ์ของรัฐมนตรีก็คาดว่าจะนำพาเกษตรกรไทยไปได้ สามารถดูแลเกษตรกรได้แน่นอน”

ราคาสินค้าเกษตรยกแผง แนะ “จำนำ-ประกันรายได้” อุ้ม

นายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันราคาสินค้าเกษตรทุกตัวตกต่ำลงมา ต่ำกว่าต้นทุน ก็ส่งผลทำให้ชีวิตเกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอ แล้วสิ่งที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอก็เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนใหม่ ก็ต้องตอบตรงๆว่าไม่แน่ใจว่าท่านจะเข้าใจอาชีพเกษตรหรือไม่ แล้วการแก้ไขปัญหาในช่วงนี้หากจะได้ราคาปรับตัวขึ้นก็ต้องอาศัยโครงการไม่จำนำข้าว ก็ประกันรายได้เกษตรกร

“ยกตัวอย่างราคาหัวมันสำปะหลังทุกจังหวัดทั่วประเทศตกต่ำอย่างมาก เพราะโรงงานผลิตเอทานอลในประเทศไม่รับซื้อเนื่องจากแผนนโยบายกระทรวงพลังงาน (0il plan 2024) ไม่ส่งเสริมน้ำมัน E20 เป็นน้ำมันพื้นฐาน ทำให้การใช้มันสำปะหลังลดลง ทำให้ผู้ส่งออกแป้งมันสำปะหลังไทยได้มีการขายตัดราคาต่ำ ๆ กันเองเพื่อแย่งลูกค้ากัน แล้วมากดราคารับซื้อหัวมันสดในราคาถูก ๆ จนทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศเดือดร้อน

จึงขอให้รัฐบาลประกันราคารับซื้อหัวมันสำปะหลังหน้าโรงงาน หรือจำนำ ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท (เชื้อแป้ง 25%) ให้ทุกโรงงานทุกจังหวัดรับซื้อในราคาเดียวกัน และหากโรงงานรับซื้อไม่ถึงกิโลกรัมละ 2.50 บาท ให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกร เพื่อไม่ให้เกษตรกรขาดทุน"

2.ขอให้รัฐมนตรีเกษตรฯ เสนอรัฐบาลช่วยผลักดัน E20 เป็นนำมันพื้นฐาน และ E85 กลับมาใช้ใหม่ และให้ยกเลิกเบนซินออกเทน 91 ทันที เพื่อช่วยให้โรงกลั่นเอทานอลได้ช่วยซื้อมันสำปะหลังมากขึ้น ลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ เพื่อจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาหัวมันสำปะหลังไม่ให้ตกต่ำ

3.ขอให้รัฐมนตรีฯ เสนอรัฐบาลให้กระทรวงการคลัง ออกประกาศกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายเอทานอลในประเทศ ให้สามารถจำหน่ายสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้อย่างเสรี เช่น 1.ใช้ผสมอาหาร 2.ใช้ในการผลิตสารเคมี 3.ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง 4.ใช้ในเภสัชกรรมและสาธารณสุข 5.ในอุตสาหกรรมพลาสติกย่อยสลายได้ 6.ใช้ในอุตสาหกรรมสีและสารเคลือบ 7.ใช้ทำความสะอาด 8.ใช้สกัดสมุนไพรต่าง ๆ โดยไม่ต้องกำหนดให้ใช้ผสมน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้นตาม พ.ร.บ.สุราสามทับ ก็จะช่วยทำให้การใช้หัวมันสำปะหลังภายในประเทศมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาตลาดมันเส้นส่งออกมากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังในประเทศตกต่ำ

ดันกฎหมายปาล์ม ช่วยเกษตรกร แก้ปัญหาราคาครบวงจร

นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย กล่าวว่าอยากจะฝากพระราชบัญญัติปาล์มฯพื่อช่วยเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มให้มีรายได้ที่มั่นคงและเป็นธรรมมากขึ้น เนื่องจากปาล์มเป็นพืชเศรษฐกิจ ของไทยที่มีความสำคัญด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน มีเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันมากกว่า 200,000 ราย มีพ่อค้าผู้รวบรวมผลปาล์มน้ำมันหรือลานเทมากกว่า 1,800 ราย ด้านอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ทั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์ม โรงงานผลิตไบโอ ดีเซล รวมประมาณ 190 โรงงาน คิดเป็นปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 1.89 ล้านตัน ซึ่งเป็นอันดับสามของโลกรองจาก ประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาลาเซีย

“ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาในปีนี้ถือว่าล้มเหลว แล้วเข้าทางโรงงาน โดยขอให้เลิกการคุมราคาปาล์มขวด เป็นการปรับราคาแบบลอยตัวให้เป็นไปตามกลไกราคาตลาดตามความเป็นจริง อย่าไปบิดเบือน เนื่องจากราคาซีพีโอในตลาดโลกขยับสูงขึ้นแล้ว แต่ในประเทศไปกดราคาต่ำไว้ ส่งผลทำให้ราคาผลปาล์มที่เกษตรกรขายได้ต่ำกว่าราคาเป็นจริง”

นายมนัส กล่าวถึงรัฐมนตรีเกษตรฯ ที่อยู่ฝ่ายผลิต ก็เหมือนกับดาบสองคม หากต้องเพิ่มผลผลิตก็ต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มก็มาโยงกับราคาปุ๋ยที่รัฐบาลมีโครงการให้กับเกษตรกรก็มีปัญหาเนื่องจากเกษตรกรไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์ ก็ซื้อไม่ได้ เนื่องจากเกษตรกรไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. และไม่ได้อยู่ในเครือข่ายสหกรณ์ก็ซื้อไม่ได้ แต่ถ้าไปอยู่ในร้านค้าเอกชน ก็ทางรัฐจะโดนกล่าวว่าไปช่วยเอกชนรวย ซึ่งในมองเกษตรกรไม่ใช่ เพราะเกษตรกรใกล้ร้านไหนก็ซื้อร้านนั้น อย่าไปจำกัด ถ้าต้องการช่วยจริง ต้องช่วยอำนวยความสะดวกด้วย และยิ่งราคาปาล์มอย่างนี้ก็ไม่มีเงินที่จะไปจ่ายเงินให้กับ ธ.ก.ส.เพราะต้องจ่ายเงินสด ดังนั้นหากมีโครงการใหม่ต้องครอบคลุมและไม่ต้องล็อคเสป็คการซื้อขาย เหมือนแจกคูปองแล้วให้เกษตรกรไปซื้อร้านค้าไหนก็ได้ที่เข้าร่วมโครงการ อย่างนี้สะดวกสุด”

หนุนเกษตรกรปลูกข้าวโพดจีเอ็มโอ เพิ่มรายได้

ปิดท้ายด้วย นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า นายอรรถกร พื้นเพอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ก็ฝากความหวังเนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งผลิตรายใหญ่ผู้เลี้ยงสุกรซึ่งอยู่ในระแวกนั้น มีทั้งสหกรณ์ รายย่อย ก็หวังว่าท่านจะช่วยผลักดันนโยบายผลักดันในเรื่องการเลี้ยงให้ครอบคลุม และช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจัง โดยเฉพาะส่งเสริมการปลูกวัตถุดิบในประเทศ ให้เพิ่มผลผลิตมากกว่านี้ ต้องมีการนำเข้ามาในแต่ละปีสูงมาก จากการขาดแคลนทำให้วัตถุดิบในประเทศราคาสูงมาก ส่งผลให้ผู้เลี้ยงมีต้นทุนสูงมาก

โดยเฉพาะถั่วเหลืองในประเทศ ปลูกให้คนในรับประทานอย่างเดียว เช่น น้ำเต้าหู้ เป็นต้น ไม่เพียงพอมาถึงภาคปศุสัตว์ ก็ต้องนำเข้าเกือบ 100% รวมถึงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ด้วย ก็ยังขาดกว่า 50% ก็ต้องส่งเสริมให้ทำแปลงใหญ่ ให้หันมาปลูกข้าวโพดจีเอ็มโอเลย เนื่องจากส่วนใหญ่นำข้าวโพดจีเอ็มโอเข้ามาอยู่แล้ว ผลผลิตจะได้มากขึ้น และทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งรอบประเทศตอนนี้ปลูกจีเอ็มโอหมดแล้ว ที่สำคัญอาหารสัตว์จะได้ราคาถูกลง มีผลดีต่อเนื้อสัตว์ราคาก็ไม่ได้สูง ผู้บริโภคในประเทศจะได้อาหารที่ดี แล้วต่างประเทศก็ลักลอบเข้ามาไม่ได้ด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้2568 (2 ก.ค. 68) บางจาก ปตท.ลด 30 สตางค์

20 นาทีที่แล้ว

แบงก์พร้อมเดินหน้า “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 แก้หนี้กลุ่มเปราะบาง

36 นาทีที่แล้ว

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 1ก.ค.ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์

48 นาทีที่แล้ว

BGRIM ปิดดีลซื้อ “Apulia Green Energy” รุกธุรกิจกักเก็บพลังงานในอิตาลี

49 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้2568 (2 ก.ค. 68) บางจาก ปตท.ลด 30 สตางค์

ฐานเศรษฐกิจ

กรมอุตุฯ ตอบแล้ว ปม ว่อนเตือน 5 ก.ค. นี้จะเกิดสึนามิใหญ่

สยามนิวส์

Kakao Webtoon ประกาศ 'ยุติให้บริการ' ในไทยปีหน้า เปิดวิธีขอคืนเงิน

MATICHON ONLINE

GULF- PTT Tank เซ็นสัญญาพัฒนาท่าเรือก๊าซมาบตาพุดระยะที่ 3 เสริมมั่นคงพลังงานไทย

ฐานเศรษฐกิจ

จตุรงค์ โพสต์ลอตเตอรี่ 6 ใบ 36 ล้าน

สยามนิวส์

ว้าวุ่นทั้งอำเภอ พายุแรงพัดป้าย ที่ว่าการอำเภอสัตหีบ ทำ บ หลุด

สยามนิวส์

บารอน (2/7/68)

สยามรัฐ
วิดีโอ

ไม่รอด! จับเจ้าหน้าที่เรียกเก็บหัวคิวบัตรชมพู ตำรวจสอบสวนกลางรวบพร้อมหลักฐาน!

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...