'ศาลแพ่ง'สั่งยึดเงิน MORE คืนโบรกฯ ‘ดีเอสไอ’เผยอัยการสูงสุดยังไม่สั่งฟ้องอาญา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “คดีหุ้น MORE” หรือ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) เป็นคดีใหญ่ สาธารณชนให้ความสนใจ และพฤติกรรมการฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) วงเงิน 4,500 ล้านบาท โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นก่อนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เปิดซื้อขาย เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 แต่ หุ้น MORE กลับมีสัญญาณไฟกระพริบ ตั้งคำสั่งซื้อ ATO ที่ราคา 2.90 บาท/หุ้น จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ทั้ง ๆ ที่ราคาปิดของวันที่ 9 พ.ย. 2565 อยู่ที่ 2.78 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่สูงผิดปกติ
ดังนั้น การโยน “คำสั่งซื้อขาย” หุ้น MORE ในลักษณะอำพรางในวันที่ 10 พ.ย. 2565 จนถูกจับไต๋ได้ว่า นี่คือ การพยายามถล่มขายหุ้น ด้วยการใช้บัญชี Credit Balance ของโบรกเกอร์มาซื้อ - ขาย และถือเป็นปฏิบัติการที่เย้ยกฎหมายอย่างโจ่งแจ้ง ทุกหน่วยงานจึงประสานความร่วมมือสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนนำไปสู่คำสั่งฟ้องแก๊งปั่นและปล้นหุ้น MORE
ล่าสุด“ศาลแพ่ง” ถนนรัชดาภิเษก พิพากษาให้นำเงินที่อายัดไว้คืนกลับโบรกเกอร์ 11 รายที่จ่ายเงินค่าขายให้กับลูกค้าวอลุ่มปริศนา 1,500 ล้านหุ้น ในช่วงเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท เป็นเงิน 4,300 ล้านบาท
และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยังตรวจพบรายการที่น่าสงสัยเพิ่มเติมอีก 200 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,500 ล้านบาทและสั่งยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ทั้งนี้ผู้พิพากษาได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาครั้งนี้นานกว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง ผลการตัดสินครั้งนี้ ทางผู้ต้องสงสัยยังมีสิทธิอุทธรณ์ได้
การยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้นหุ้นนั้น จากการสืบสวนพบว่าไม่สามารถแสดงว่าได้หุ้นมาโดยสุจริต และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิดจำนวน 32 รายร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-10 พ.ย. 65
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมดรวม 34 รายการ มูลค่าราว 5,376 ล้านบาท เหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อย่างไรก็ตามอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา 9 ผู้ต้องหาหุ้น MORE
สำหรับ 11 โบรกเกอร์ที่จะได้ เงินคืนคดี MORE เช่น บล.กรุงศรีอยุธยา ประมาณ 900 ล้านบาท บล.เกียรตินาคินภัทร 700 ล้านบาท บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เกือบ 400 ล้านบาทและบล.คิงส์ฟอร์ด เกือบ 400 ล้านบาท โดยบล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) หรือ Z.com (แซด คอม) ได้รับความเสียหายมาก และเจอฟอร์ซเซลหุ้นอีกหลายตัว ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก จนต้องยุติการให้บริการโบรกเกอร์ในประเทศไทย
คดีปั่นหุ้น MORE สร้างความปั่นป่วนในวงการธุรกิจหลักทรัพย์ครั้งใหญ่ และทำให้ตลาดทุนไทยขาดความน่าเชื่อถือมากขึ้น หลังจากก๊วนนี้ได้วางแผนให้ “อภิมุข บำรุงวงศ์” (ปิงปอง) ใช้หุ้น MORE ในมือไปเวียนเทียนขอเปิดวงเงินสินเชื่อซื้อหุ้น (มาร์จิน) กับโบรกเกอร์หลายแห่ง
โบรกเกอร์ที่ได้รับความเสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ นายอภิมุช และบุคคลที่เกี่ยวข้องกรณีถูกนายอภิมุข หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริง หลอกลวงให้หลงเชื่อว่า นายอภิมุขจะชำระค่าซื้อหุ้น MORE และ MORE-R
ส่วนผู้ที่ถูกก.ล.ต.กล่าวโทษคดีปั้นหุ้น MORE อาทิ นายอภิมุข ,นายเอกภัทร พรประภา,นายอธิภัทร พรประภา,นางอรพินธุ์ พรประภา ,นายอิทธิวรรธน์ วรรณะเอี่ยมพิกุล, บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล,บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ ,นายสมนึก กยาวัฒนกิจ ,นายวสันต์ จาวลา
ขณะที่ ปปง.อายัดทรัพย์สินมูลค่าราว 5,376 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE หรือ MORE -R ในวันที่ 10 พ.ย.2565 ในบัญชีใดๆ
เช่น นายอภิมุข ภายใต้การดูแลของบล.ไอร่า จำนวน 405,644,346 บาท ณ วันที่ 20 พ.ย.65 นายเอกภัทร พรประภา ภายได้การดูแลของบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มูลค่า 1,808,720,107 บาท นายอธิภัทร พรประภา ภายใต้การดูแลของบล.บัวหลวง มูลค่า 676,760,540 บาท นางอรพินธุ์ พรประภา ภายไต้การดูแลของบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มูลค่า 122,939,700 บาท นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา ภายใต้การดูแลของบล. เอเอสแอล มูลค่า 195 ล้านบาท นายวสันต์ จาวลา ภายใต้การดูแลของบล. เอเชีย เวลท์ 55 ล้านบาท
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กรณีที่ศาลแพ่งถนนรัชดาภิเษก พิพากษาให้นำเงินที่อายัดไว้คืนกลับโบรกเกอร์ 11 รายที่จ่ายเงินค่าขายให้กับลูกค้าวอลุ่มปริศนา 1,500 ล้านหุ้น ในช่วงเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท เป็นเงิน 4,300 ล้านบาท และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยังตรวจพบรายการที่น่าสงสัยเพิ่มเติมอีก 200 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,500 ล้านบาท และสั่งยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดินนั้น ตามที่เป็นข่าวนั้นน่าจะเป็นในส่วนที่ ปปง. อายัดไว้คืนให้กับโบรกเกอร์
ขณะที่ ในส่วนของคดีอาญา ล่าสุด หลังจาก “ดีเอสไอ”ได้ทำความเห็นแย้งหนังสือ ส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยืนยันความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 42 ราย ปัจจุบันอัยการสูงสุดยัง “ไม่ได้ฟ้อง” ต่อศาล