สีสันญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อน
อาโอโมริยะ ในเครือโฮชิโนะ รีสอร์ท นอกจากจะมอบประสบการณ์อันน่าทึ่งให้แขกได้สัมผัสปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมนี้ด้วยการสวมชุดฮาเนโตะแบบดั้งเดิมแล้ว ยังมี “ทัวร์รถบัสชมเทศกาลอาโอโมริ เนบุตะ” ที่จะพาผู้มาเยือนไปชมขบวนแห่ในอีกบรรยากาศ โดยมีอาหารกล่องเบนโตะไว้เติมพลัง รถบัสจะออกเดินทางจากโรงแรมตั้งแต่บ่าย 4 โมง ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งจะถึงอาโอโมริ มีเวลาให้จับจองพื้นที่เหมาะ ๆ เพื่อชมขบวนแห่ และจะพากลับตอนราว 3 ทุ่ม ถึงโรงแรมราว 5 ทุ่ม โดยจะต้องจองเพื่อขึ้นรถไปด้วยล่วงหน้า 3 วัน โดยวันที่ 2-6 สิงหาคม รับผู้โดยสารได้วันละ 80 คน แต่สำหรับวันสุดท้ายวันที่ 7 สิงหาคม นั้น รับเพียงแค่ 40 คน ซึ่งแอบกระซิบว่าวันสุดท้ายของงานนั้นมีแอบพาไปทางทะเลด้วย
ในช่วงเวลาเดียวกันยังมี “เทศกาลโยซาโกอิ โคจิ” ที่โด่งดังหลังจากความพยายามฟื้นฟูเมืองหลังสงครามในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งได้เปลี่ยนเมืองโคจิให้กลายเป็นมหกรรมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งการเต้นรำอันทรงพลัง เครื่องแต่งกายสีสันสดใส และเสียงกระทบกันของนารุโกะ
ทุกปีระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม เมืองแห่งนี้จะเปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณแห่งโยซาโกอิ ดาวเด่นของคือเหล่านักเต้น การแสดงอันทรงพลังและเปี่ยมพลังของพวกเขาดึงดูดผู้ชม ให้เพลิดเพลินไปกับความกลมกลืนของท่าเต้นอันซับซ้อนและจังหวะดนตรี ขณะที่เครื่องแต่งกายของนักเต้นมีตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงชุดที่ปรับให้มีชีวิตชีวาและเต้นรำได้อย่างอิสระที่มาพร้อมกับสีสันสดใส สุดท้ายคือ ดนตรีซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแบบประเพณีดั้งเดิม แต่เต็มไปด้วยท่วงทำนองอันหลากหลายและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ ที่ขับเคลื่อนการแสดงของนักเต้นและยกระดับบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง จากรถจิกะตะยะ (รถดนตรี) เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วท้องถนน โอบล้อมสถานที่จัดงานราวกับงานคาร์นิวัล
OMO7 โคจิ ร่วมกับสามศิลปินชั้นนำจากวงการโยซาโคอิ สร้างสรรค์การแสดง Yosakoi Rakuen LIVE ขึ้นจากความปรารถนาที่จะแบ่งปันพลังแห่งเทศกาลโยซาโคอิและจิตวิญญาณแห่งการต้อนรับขับสู้แบบโคจิ เริ่มต้นด้วยการเต้นรำแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นในเพลง "โยซาโกอิ บุชิ" เพลงพื้นบ้านโคจิที่กล่าวกันว่าเป็นต้นกำเนิดของการเต้นรำโยซาโคอิ นารุโกะ นักเต้นเพียงคนเดียวจะยืนอยู่บนเวทีที่มีแสงสลัว ส่องสว่างด้วยสปอตไลท์ มอบการแสดงที่งดงามอลังการ
เครื่องแต่งกายใช้สีส้มสดใสได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศเขตร้อนของโคจิ ประดับด้วยผ้าคาดเอวสีฟ้าที่สื่อถึงแม่น้ำชิมันโตะและท้องทะเล ธงฟุราฟุประดับด้วยภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ระยิบระยับด้วยดวงดาวใต้แสงจันทร์ พร้อมกับภาพปลาวาฬแหวกว่ายในมหาสมุทรนอกชายฝั่งโคจิ
บริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เดินไปเที่ยวได้ ทั้ง “สะพานฮาริมายะ” สัญลักษณ์ของความรักที่มีจุดจบน่าเศร้า เมื่อพระสงฆ์รูปหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 19 ชื่อว่า จุนชิน ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือคำมั่นของเขาที่จะใช้ชีวิตสันโดษ และซื้อปิ่นปักผมให้แก่คนรักลับๆ ของเขาจากร้านค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ถัดจากสะพานแห่งนี้ ในยุคนั้นพระสงฆ์ห้ามมีความรัก เมื่อข่าวเกี่ยวกับการกระทำที่อื้อฉาวของจุนชินแพร่หลายไป ทั้งเขาและคนรักของเขาได้ถูกเนรเทศ แต่ความทรงจำของเหตุการณ์นี้ยังคงอยู่ ในบทเพลงและวงการภาพยนตร์ ปัจจุบันสะพานนี้แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ชมทิวทัศน์ที่ได้รับความนิยมที่สุดของโคจิ
“ปราสาทโคจิ” หนึ่งในปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีลักษณะผสมผสานระหว่างยุคสมัยศตวรรษที่ 17 และ 18 ซึ่งหายาก ปราสาทห้าชั้นตั้งอยู่บนยอดเนินจึงมีวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อมองลงมาจะเห็นอาณาเขตที่เคยปกครองในอดีต แม้ว่าปราสาทนี้จะสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1601-1611 แต่โครงสร้างจำนวนมากที่ยังอยู่มาถึงปัจจุบันถูกสร้างขึ้น 100 ปีให้หลัง ตัวปราสาทไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางของชนชั้นปกครองเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่ขุนนางศักดินาใช้อยู่อาศัยจริงอีกด้วย
ใกล้ปราสาทยังมี “ตลาดฮิโรเมะ” แหล่งรวมอาหารเลิศรสของโคจิที่ต้องแวะเมื่อมาท่องเที่ยวโคจิ ที่นี่รวมร้านค้าราว 60 แห่ง มีทั้งอาหารอันเป็นจิตวิญญาณของโคจิ และอาหารจากต่างประเทศอย่างครบครัน จนถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ห้องครัวแห่งโคจิ" และหากมาตรงกับวันอาทิตย์บอกเลยว่าห้ามพลาด “ตลาดวันอาทิตย์โคจิ” ตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่มีแผงลอยกว่า 300 แผงในตลาดที่ทอดตัวยาวถึง 1.3 กิโลเมตรไปตามถนนกว้างที่เรียงรายไปด้วยต้นปาล์ม โดยไปสิ้นสุดที่เชิงปราสาทโคจิ ตลาดประจำสัปดาห์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในเมืองโคจิมากว่า 300 ปี ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างมาลิ้มลองอาหารริมทางรสเลิศ ซื้อผักผลไม้สด หรือมองหาของใช้ในบ้านและงานฝีมือน่ารัก ๆ เปิดตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงบ่ายแก่ ๆ
ไปที่เกียวโต เทศกาลประจำปีที่โด่งดังที่สุดก็คือ “เทศกาลกิออน” ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีการเฉลิมฉลองมากว่า 1,000 ปี จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีระหว่าง 1-31 กรกฎาคม “ศาลเจ้ายาซากะ” จะมีการพิธีกรรมจัดอุทิศตนเพื่อขอพรให้โรคระบาดหมดไป แม้ว่าจะมีพิธีกรรมและกิจกรรมทางศาสนาเกิดขึ้นทุกวัน แต่ไฮไลท์ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางคือขบวนพาเหรดยามาโบโกะที่ถูกขนานนามว่าเป็น "พิพิธภัณฑ์ศิลปะเคลื่อนที่" และโยอิยามะ รวมถึงมิโคชิ โทเกียว ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 17 และ 24 กรกฎาคม
ตั้งแต่ 14 มิถุนายน-31 กรกฎาคม 2568 OMO5 Kyoto Sanjo และ OMO5 Kyoto Gion จัดงาน "Yoi no OMO Matsuri Iroha" ขึ้นเพื่อให้แขกผู้เข้าพักได้ดื่มด่ำกับเทศกาลกิออน ประเพณีฤดูร้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของเกียวโต โดย OMO5 Kyoto Gion ตั้งอยู่ในเส้นทางของขบวนแห่ศาลเจ้า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของเทศกาลนี้