"ไมเดีย" ทุ่ม 2.2 พันล้าน ผุดโรงงานแอร์ที่ระยอง รุกตลาดอาคารพาณิชย์เต็มสูบ
ไมเดีย (Midea) ผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอัจฉริยะระดับโลก ประกาศเดินหน้าขยายธุรกิจครั้งสำคัญในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว Midea Building Technology (MBT) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นตลาดระบบปรับอากาศสำหรับอาคารพาณิชย์โดยเฉพาะ พร้อมทุ่มงบลงทุนมหาศาลกว่า 2,260 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตระบบปรับอากาศแห่งใหม่บนพื้นที่ 46 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี จังหวัดระยอง
การลงทุนครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดประเทศไทย และตอกย้ำวิสัยทัศน์ของไมเดียในการเป็นผู้นำด้านระบบบำบัดอากาศระดับโลก (World’s No. 1 Air Treatment Brand) โดยโรงงานแห่งใหม่นี้มีกำลังการผลิตสูงถึง 600,000 ยูนิตต่อปี เน้นนวัตกรรมระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ที่ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนการติดตั้ง และมีอายุการใช้งานยาวนาน
ศักยภาพตลาด HVAC และบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิต
ปัจจุบัน ความต้องการระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และปรับอากาศ (HVAC) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคครัวเรือน เชิงพาณิชย์ และภาคอุตสาหกรรม โดยเป็นผลมาจากการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมระบบ HVAC ทั่วโลกจะมีมูลค่า 218,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 และจะเติบโตถึง 338,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2574 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ร้อยละ 6.4
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นตลาด HVAC ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของประชากร สภาพภูมิอากาศที่ร้อน การขยายตัวของเมือง และการขยายตัวของภาคการก่อสร้างเชิงพาณิชย์
ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องปรับอากาศที่สำคัญระดับโลก โดยในปี 2567 มียอดส่งออกเครื่องปรับอากาศแบบติดผนังมากกว่า 21 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่า 7,044 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปี 2566 ส่งผลให้ไทยเป็นผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและเม็กซิโก
นายแจ๊ปสัน ไจ๋ ผู้อำนวยการ Midea Building Technology ประเทศไทย กล่าวว่า "การขยายธุรกิจของไมเดียสู่ตลาดระบบปรับอากาศสำหรับอาคารเชิงพาณิชย์ภายใต้ชื่อ Midea Building Technology นับเป็นก้าวสำคัญภายใต้กลยุทธ์ของไมเดียเพื่อตอกย้ำการเป็น World’s No. 1 Air Treatment Brand โดยประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในเชิงพื้นที่และตลาดเครื่องปรับอากาศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเปิดโรงงานแห่งนี้จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจระบบปรับอากาศในเมืองไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น ผลักดันเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิตของแรงงาน โดยเฉพาะในจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียง"
ไมเดียยังให้ความสำคัญกับการเสริมความพร้อมด้านบุคลากร โดยได้ขยายทีมบริการครบวงจร ทั้งทีมขาย ทีมวิศวกรรม และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปรับอากาศสำหรับอาคารเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังมีแผนตั้ง ศูนย์ Training Center ระดับ 5 ดาว อย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทยภายในปลายปีนี้ เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานและส่งเสริมบุคลากรสำหรับตลาดระบบปรับอากาศสำหรับอาคารโดยเฉพาะ
โรงงานแห่งใหม่ที่ระยองนี้ ใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะ “1+3+3+N” ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์โลจิสติกส์ 1 แห่ง, คลังสินค้าสามมิติ 3 แห่ง, สายพานลำเลียงพิเศษ 3 ชุด และรถขนส่งอัตโนมัติ (AGV) จำนวน N ชุด
ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงานแห่งนี้ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุทางเลือก เช่น พลาสติกรีไซเคิล รวมถึงการใช้สารทำความเย็นที่มีค่า GWP (Global Warming Potential) ต่ำ เช่น R454B และ R290 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานสีเขียวและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมเดียในการลดคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง
ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศสำหรับอาคารที่ผลิตในโรงงานแห่งนี้ประกอบด้วย
- Variable Refrigerant Flow (VRF): ระบบปรับปริมาณน้ำยาอัตโนมัติที่เน้นนวัตกรรมการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาพร้อมเทคโนโลยีโดดเด่น เช่น HyperLink ช่วยให้ติดตั้งง่าย ลดต้นทุน และรองรับการเดินสายยืดหยุ่น, Shieldbox ตู้ควบคุมไฟฟ้าแบบปิดมาตรฐาน IP55 ป้องกันความเสียหายจากภายนอก, และ Midea Evaporating Temperature Alternation (META) 2.0 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าได้มากกว่า 28%
- Midea Magnetic Chiller: เครื่องทำความเย็นแบบแรงเหวี่ยงแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ทำความเย็นรวดเร็ว ประหยัดพลังงาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน
ปัจจุบัน ไมเดียกรุ๊ปมีโรงงานในประเทศไทยรวม 8 แห่ง ครอบคลุมการผลิตตั้งแต่เครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ไปจนถึงระบบปรับอากาศสำหรับอาคารเชิงพาณิชย์ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 4 ล้านเครื่องต่อปี
"การขยายธุรกิจและการเปิดโรงงานแห่งใหม่ สะท้อนความมุ่งมั่นของไมเดียในการนำเสนอนวัตกรรมที่ครอบคลุมความต้องการ และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ผู้บริโภค รวมถึงความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันอุตสาหกรรมปรับอากาศไทยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสทางอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานศักยภาพไทย" นายแจ๊ปสัน กล่าวสรุป