‘รัฐบาลไทย’ ประณาม ‘เขมร’ วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ละเมิดอธิปไตยไทย
เมื่อเวลา 19.10 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวประเด็นประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ว่า จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ค. เกิดเหตุกำลังพลของไทยเหยียบกับระเบิดที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
ซึ่งประเด็นทุ่นระเบิด กองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 ได้แถลงไปเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ภายหลังการตรวจสอบของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันว่า ทุ่นระเบิด 8 ลูกที่พบเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ และไม่มีในการใช้งาน หรืออยู่ในคลังอาวุธของไทย โดยวันนี้ได้มีการประชุมฝ่ายเลขานุการของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา (ศบ.ทก.) ซึ่งเป็นการประชุมระดับปฏิบัติ เพื่อแลกเปลี่ยน และจัดเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอแนวทางการดำเนินงานในด้านต่างๆ ให้ที่ประชุม ศบ.ทก. ที่มีกำหนดประชุมในวันที่ 21 ก.ค. เพื่อพิจารณาต่อไป เรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก และมีกรอบดำเนินการหลายกรอบ ฝ่ายไทยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงแนวทางการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป วันนี้กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้
นายนิกรเดช กล่าวว่า แถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้เครื่องสังหารบุคคลตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นายลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ได้เหยียบกับระเบิดสังหารนั้น
รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคง ว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ทุ่นระเบิดที่พบไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบนำไปสู่ข้อสรุปได้ว่า เป็นการวางระเบิดสังหารบุคคลที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาจะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญา โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ขอให้เชื่อมั่นในหน่วยปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หน่วยความมั่นคง เพื่อความสามัคคีกันของคนในชาติซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้