"ปณิธาน" คาดทุ่นระเบิดเล็ดลอดมาจากจีน สนธิสัญญาฯ มีช่องโหว่ ไร้บทลงโทษชัดเจน
รองศาสตราจารย์ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ให้ความเห็นกรณีทุ่นระเบิดบริเวณช่องบกว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยถูกกับดัก มีข้อมูลว่าผลิตจากรัสเซีย ผิดข้อตกลงสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งมี 160 ประเทศที่เป็นสมาชิกตกลงกันว่าจะไม่นำเข้าทุ่นระเบิด หรือถ้าหากมีอยู่ก็จะทำลาย
ซึ่งไทยและกัมพูชาทำลายร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่การลักลอบนำเข้ามักเกิดขึ้นเสมอ และการใช้ทุ่นระเบิดในช่วงสงครามก็มีเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะยูเครน
รวมถึงมีหลายประเทศที่ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญานี้ ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศมหาอำนาจ เช่น รัสเซีย จีน สหรัฐอเมริกา รวมถึงในโซนยุโรปหลายประเทศกำลังจะถอนตัว
และถึงแม้การลักลอบนำทุ่นระเบิดเข้ามาจะผิดสนธิสัญญาแต่ก็มักทำกันเป็นประจำ โดยเฉพาะประเทศที่มีการสู้รบหรือประเทศที่อาจคุ้นเคยกับทุ่นระเบิดสังหาร เช่น กัมพูชา เพราะในสงครามอินโดจีนมีการวางระเบิดสังหารในกัมพูชาเยอะและยังกู้ได้ไม่หมด ซึ่งไทยเคยไปช่วยตั้งศูนย์กู้ทุ่นระเบิดให้กัมพูชาและทำงานร่วมกันตามแนวชายแดน
เพราะฉะนั้น การลักลอบเข้ามาน่าจะมาจากฝั่งกัมพูชา นอกจากนี้ทุ่นระเบิดสังหารของรัสเซียมีการผลิตเลียนแบบจากจีน จึงเป็นไปได้ว่าอาจเล็ดลอดมาจากจีนหรือเล็ดลอดมาตามแนวรอยต่อพรมแดนของประเทศเหล่านี้ ซึ่งไทยไม่มีทุ่นระเบิดสังหารแบบนี้
ส่วนสนธิสัญญาดังกล่าวไม่มีบทลงโทษชัดเจนและไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบการสั่งหรือการใช้ทุ่นระเบิดเหล่านี้ได้ ถือเป็นช่องโหว่ สิ่งที่ทำได้คือการประณามและรายงานให้องค์การสหประชาชาติรับทราบ ซึ่งขณะนี้เป็นปัญหามาก เราจะต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่ามีการละเมิดข้อตกลงให้กัมพูชาเข้ามาร่วมมือดันกวาดล้างทุ่นระเบิด ซึ่งทำได้ยาก
และในอนาคตก็เป็นไปได้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกำหนดบทลงโทษสำหรับประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญา แต่ก็ทำไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งบทลงโทษอาจเป็นเรื่องการคว่ำบาตรนอกจากการประณามให้เสียชื่อเสียง แต่ต่างประเทศไม่ได้สนใจประเด็น เพราะเขามองว่าเป็นเรื่องที่ต้องรักษาความมั่นคง รักษาดินแดนอธิปไตย
แต่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในอนาคตก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศมหาอำนาจซึ่งไม่ได้เป็นภาคีสนธิสัญญานี้ จึงไม่มีความชัดเจนว่าจะทำได้มากขนาดไหน
ส่วนทุ่นระเบิดที่พบในแนวลาดตระเวนเกิดจากการลักลอบของทหารกัมพูชาหรือไม่ เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัด เพราะบริเวณนั้นเป็นจุดลาดตระเวนปกติของไทยที่ลาดตระเวนเป็นประจำ และหากพิสูจน์ทราบได้ก็จะสามารถกดดันกัมพูชาได้ง่ายขึ้น แต่ขณะนี้ต้องวางกำลังป้องกันให้ดีขึ้นตามแนวเส้นทางลาดตระเวน
และจากการตรวจสอบพบว่าทุ่นระเบิดที่พบในแนวลาดตระเวน 80% เป็นของใหม่ที่เพิ่งถูกติดตั้ง อาจารย์ปณิธานระบุว่าของใหม่ในความหมายนี้หมายความว่าเพิ่งเข้ามาในบริเวณดังกล่าว ส่วนทุ่นระเบิดชนิดนี้ผลิตมานานหลาย 10 ปีแล้ว แต่เพิ่งเข้ามาติดตั้งใหม่ ซึ่งอาจลักลอบเข้ามาติดตั้ง และอาจเป็นไปได้ว่าการลาดตระเวนไม่ได้เข้มข้นมาตั้งแต่แรก
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนี้จะบานปลายขึ้นหรือเบาลง เพราะผู้นำของทั้งสองประเทศมีข้อขัดแย้งกัน รองศาสตราจารย์ปณิธาน ประเมินว่า อาจเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะบานปลายขึ้น เพราะภาพรวมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศไม่ดี มีเรื่องระหองระแหงกันมาต่อเนื่อง
รวมถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่ฝ่ายไทยเรียกทูตกลับมาชั่วคราว ซึ่งฝั่งกัมพูชาก็โจมตีและกล่าวหาไทยอย่างต่อเนื่อง มีการชะลอการพูดคุยของกลไกคณะกรรมาธิการต่าง ๆ บ่งบอกว่าไม่สามารถพูดคุยกันได้
ส่วนการปฏิบัติการทางทหารดูเหมือนว่าจะเข้มข้นขึ้นทั้งสองฝ่าย และอาจเกิดขึ้นต่อเนื่องหากกลไกการพูดคุยทางฝ่ายทหารไม่สามารถพูดคุยกันได้เพื่อวางแนวปฏิบัติ แต่ก็มีท่าทีเบาลงได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีความพยายามที่จะพูดคุยกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบ.ทก. ถกด่วน 20 ก.ค. นี้ คุยกต. ฟ้อง UN กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
ทบ. เผยผลพิสูจน์ เป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” ชัดเจน! พร้อมเดินหน้าประท้วง UN
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : "ปณิธาน" คาดทุ่นระเบิดเล็ดลอดมาจากจีน สนธิสัญญาฯ มีช่องโหว่ ไร้บทลงโทษชัดเจน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com