teamLab Biovortex Kyoto เปิดโลกจินตนาการในเกียวโต ด้วยเฉดสีของศิลปะสมัยใหม่
เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เป็นหมุดหมายของการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมดึงดูดให้คนจากทุกมุมโลกต้องไปเยือนสักครั้ง เพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็นวัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu)หรือวัดน้ำใส และวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทองสถานที่ที่ผู้คนได้ซึมซับความสงบทางใจ
ในวันนี้เกียวโตมีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ เพื่อตอบโจทย์คนที่มองหาความตื่นตาตื่นใจ อย่าง teamLab Biovortex Kyoto ที่เพิ่งเปิดทำการในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ภาพ: teamLab, Morphing Continuum © teamLab
โดย teamLab Biovortex Kyoto เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะถาวรที่ประกอบด้วยผลงานศิลปะมากกว่า 50 ชิ้น และเป็น teamLab ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นบนพื้นที่กว่า 1 หมื่นตารางเมตร ซึ่ง The Momentum มีโอกาสไปเยือน และพูดคุยถึงความสำคัญของพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในเมืองอันเก่าแก่ รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ว่ามีผลงานชิ้นไหนน่าสนใจบ้าง
teamLab Biovortex Kyoto จักรวาลแห่งการรับรู้และการมีอยู่ของสรรพสิ่ง
ก่อนจะเข้าสู่อาคารของพิพิธภัณฑ์ teamLab Biovortex Kyoto ต้องเกริ่นก่อนว่า teamLab คือกลุ่มศิลปินนานาชาติ จัดนิทรรศการมาแล้วหลายเมืองทั่วโลกทั้งนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส สิงคโปร์ ซิลิคอนวัลเลย์ ปักกิ่ง และเมลเบิร์น ทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการถาวรขนาดใหญ่ในหลายเมือง ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เขตปกครองพิเศษมาเก๊า และประเทศซาอุดีอาระเบีย
ความน่าสนใจของ teamLab คือเป็นการรวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญจากหลายหลายแขนงทั้งศิลปิน โปรแกรมเมอร์ วิศวกร อนิเมเตอร์ นักคณิตศาสตร์ และสถาปนิก เกิดเป็นกลุ่มศิลปินนานาชาติที่ร่วมสำรวจการมาบรรจบกันของศิลปะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโลกทางธรรมชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน เพื่อเสาะหาจุดเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตัวตน (The Self) และโลก กับการรับรู้ในรูปแบบใหม่ๆ ผ่านงานศิลป์
เนื่องจาก teamLab เปิดพิพิธภัณฑ์ถาวรขนาดใหญ่ในเมืองเกียวโต หลายคนอาจตั้งคำถามว่า การมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยสร้างประโยชน์หรือข้อดีต่อเมืองประวัติศาสตร์อันเก่าแก่อย่างไร
โดย teamLab คลายข้อสงสัยว่า
“เกียวโตเป็นเมืองที่มีอิทธิพลต่อศิลปะของ teamLab มาโดยตลอด ภายในวัดต่างๆ มีภาพจิตรกรรมแบบดั้งเดิมทั้งภาพบนประตูบานเลื่อน (Fusuma) และฉากพับ รวมถึงสวนญี่ปุ่น ล้วนถูกออกแบบมาให้ผู้ชมเดินผ่านพื้นที่เพื่อสัมผัสผลงาน เราตระหนักว่า นี่คือประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป เป็นประสบการณ์เชิงพื้นที่ที่รับรู้ผ่านร่างกาย
“การตั้งพิพิธภัณฑ์ teamLab ในเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เช่นนี้ ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสการบรรจบกันระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับผลงานศิลปะของ teamLab สำหรับผู้ที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมหรือบริบทของเกียวโต พิพิธภัณฑ์ teamLab Biovortex Kyoto สามารถเป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเขาได้เรียนรู้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นยังเป็นพื้นที่ที่คุณค่าทางศิลปะรูปแบบใหม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกด้วย” teamLab ระบุ
ธีม Biovortex: เชื่อมโยงมนุษย์กับธรรมชาติ
สำหรับแนวคิดของ teamLab Biovortex Kyoto คือ ‘จักรวาลแห่งการดำรงอยู่ จักรวาลแห่งการรับรู้’ เมื่อถามว่าอยากให้ผู้ที่มาเยือนได้รับประสบการณ์แบบไหนกลับไป
teamLab กล่าวว่าอยากให้สถานที่แห่งนี้ช่วยเปิดโลกให้กับทุกคน
“ที่นี่คือสถานที่ที่ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของการดำรงอยู่ และขยายขอบเขตการรับรู้ของตนเอง เราหวังว่าประสบการณ์ในพิพิธภัณฑ์นี้จะช่วยให้ผู้ชมเปิดโลกกว้างขึ้น พร้อมทั้งขยายมุมมองและการรับรู้ของตัวเอง”
เมื่อ The Momentum ได้ไปเยือนและสัมผัสกับผลงานศิลปะ บทความนี้จึงหยิบยกผลงานที่น่าสนใจมาบอกเล่า และแบ่งปันให้ผู้อ่านได้ปักหมุดเพื่อไปชมแล้วเปิดประสบการณ์ด้วยตนเอง
Massless Amorphous Sculpture
ภาพ: teamLab, Massless Amorphous Sculpture © teamLab
ประติมากรรมที่เหมือนทะเลฟองโฟมยักษ์ใหญ่สีน้ำเงินที่ทำให้เราตัวเล็กจิ๋ว เราสามารถเข้าไปสัมผัสกับฟองโฟมนี้ได้ โดยทาง teamLab Biovortex Kyoto จะให้เราใส่หน้ากากก่อนเข้าไป โดยสามารถซื้อชุดกันฝนเพิ่มเติมได้ เมื่อเข้าใกล้ผลงานชิ้นนี้ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับปุยเมฆบนท้องฟ้า ทว่าสัมผัสแล้วฟองโฟมกลับแตกสลายออกจากกัน ก่อนจะกลับมาประสานรวมกันอีกครั้งตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป สะท้อนว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ประติมากรรมชิ้นนี้ก็จะกลับสู่สภาพเดิม
Morphing Continuum
ภาพ: teamLab, Morphing Continuum © teamLab
สิ่งที่เห็นในภาพนี้คือ ลูกบอลน้ำหนักเบาที่หมุนคว้าง เคลื่อนที่ไปบนอากาศด้วยพลังงานที่หมุนเวียนในห้อง บางครั้งก็ปะทะเข้ากับร่างกายของเรา เป็นผลงานที่สะท้อนการอยู่เหนือคำว่ามวล ผู้ที่อยากสัมผัสผลงานศิลปะชิ้นนี้ แนะนำให้สวมใส่กางเกงขายาว มีแรงจากอากาศหมุนเวียนที่เป่าเจ้าลูกบอลให้ลอยอยู่ตลอดเวลา เสื้อผ้าของเราก็ไม่ต่างกัน หากใส่กระโปรงสั้นก็อาจพัดกระโปรงเราให้ปลิวตามไปด้วย
Forest of Resonating Lamps: One Stroke - a Year in the Mountains
ภาพ: teamLab, Forest of Resonating Lamps: One Stroke - a Year in the Mountains © teamLab
ผลงานศิลปะนี้อาจกล่าวได้ว่า เป็นผลงานที่เหมาะกับคนชอบถ่ายภาพ เพราะแสงจากโคมไฟนับพันจะเปลี่ยนไปหลากหลายสี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเทพนิยายสักเรื่องหนึ่ง แต่หากหยุดอยู่นิ่งๆ สักพักจะมีโคมไฟดวงหนึ่งที่ส่องสว่างมากที่สุด เราเชื่อว่าหลายคนอยากใช้เวลาดื่มด่ำกับผลงานนี้นานเป็นพิเศษ เพราะในระหว่างที่โคมไฟกะพริบเปลี่ยนสี นอกจากจะสร้างความตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังเป็นห้วงเวลาที่ทำให้มนุษย์ได้คิดทบทวนอะไรบางอย่างในชีวิตตัวเองอีกด้วย
Transient Abstract Life and Return
ภาพ: teamLab, Transient Abstract Life and Return © teamLab
ลวดลายของของเหลวน้ำที่เห็นอยู่คือบ่อสี ที่เปลี่ยนรูปแบบเมื่อมนุษย์ลงไปเหยียบย่ำ ทำให้เห็นลวดลายของน้ำที่เคลื่อนไหวในทุกฝีก้าว ผลงานนี้เราสามารถมีส่วนร่วมในการลงไปเดินบนของเหลว แต่ต้องระมัดระวังว่าสีจะเลอะกับเสื้อผ้า สำหรับคนที่อยากลองเล่นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสักเล็กน้อย และเรามีรองเท้าบูตให้ยืมสำหรับโซนนี้
Eternal Existence in the Sun and Rain
ภาพ: teamLab, Eternal Existence in the Sun and Rain © teamLab
ผลงานศิลปะขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบทั้งชั้น ในพื้นที่แห่งนี้เปิดโอกาสให้เราได้เข้าใกล้กับคำว่า ระบบนิเวศ อย่างแท้จริง เมื่อเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ จมูกปะทะกับกลิ่นเขียวๆ ของต้นไม้ เพราะต้นไม้เล็กๆ กับมอสส์สีเขียวที่เห็นในภาพเป็นพืชที่ปลูกไว้จริง และในบางครั้งก็มีฝนตกลงมา (เป็นฝนเทียมของ teamLab Biovortex Kyoto) เพื่อรดน้ำให้ต้นไม้ได้เจริญเติบโต Eternal Existence in the Sun and Rain จึงเป็นผลงานศิลปะกับธรรมชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างน่าสนใจ
เชื่อว่าทุกคนคงมีผลงานศิลปะในใจที่อยากไปเห็นด้วยตาตนเอง และในยุคปัจจุบันที่ผู้คนเสพงานศิลปะผ่านจอมือถือมากขึ้น การมีพื้นที่ที่ผู้ชมสามารถเดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะได้ อย่าง teamLab Biovortex Kyoto ช่วยกระตุ้นผัสสะของมนุษย์ เมื่อได้สัมผัสกับประสบการณ์ศิลปะแบบใหม่ แล้วจะเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตประจำวันและความคิดสร้างสรรค์ในอนาคตต่อไป