โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

อะตอมมิกบอมบ์ทั้งหลาย…ตายเสียเถิด!!!

ไทยโพสต์

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไม่ใช่แค่เพราะ อ่านหนังสือหมดบ้าน …แต่อาจด้วยเหตุเพราะความเป็นไปของโลกช่วงหลังๆ ทำให้ต้องไปคว้าหนังสือเก่าที่อ่านมาแล้วประมาณ 10 เที่ยวเห็นจะได้ มาอ่านทวนอีกรอบ นั่นคือ…หนังสือเรื่อง นางาซากิ-เสียงครวญแห่งสันติ หรือ The Bells of Nagasaki ที่เขียนโดยหัวหน้าแผนกรังสีวิทยา โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยนางาซากิ ดร.ทาคาชิ นากาอิ (Takashi Nagai) หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่อเมริกานำ ระเบิดนิวเคลียร์ มาหย่อนใส่หัวชาวญี่ปุ่น เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง…

คือถึงเหตุการณ์ดังกล่าวจะผ่านมาแล้วเกือบศตวรรษ…แต่ด้วยเหตุเพราะความเป็นไปของโลกช่วงนี้ ท่าทางดูๆ จะหนีไม่พ้นต้องหวนกลับไปตั้งคำถามว่า จะนิวเคลียร์-ไม่นิวเคลียร์ ยิ่งเข้าไปทุกที เพราะ ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ อย่างรัสเซียที่กำหัวรบชนิดนี้ไว้ในมือนับพันๆ หัวรบ และเพิ่งจะยกระดับ หลักนิยมการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ครั้งล่าสุด เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง ถึงพยายามขีด เส้นแดง-เส้นตาย ไว้ชัดเจน ว่าควรงัดอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ออกมาใช้เมื่อไหร่? แบบไหน? อย่างไร? แต่บรรดา เด็กที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ หรือพวก โลกตะวันตก ทั้งหลาย ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาหรือพันธมิตรพรมเช็ดเท้ายุโรปแต่ละราย กลับพร้อมยั่วยวน กวนส้นตีน หมีขาวรัสเซีย ชนิดเรียกว่า…หนักยิ่งกว่าอดีตนายกฯ ฮวยเซ็ง แห่งเขมร ที่พยายามสร้างความ เปรี้ยวมือ-เปรี้ยวเท้า ให้ใครต่อใครในบ้านเราแบบวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า…

ไม่เพียงมุ่งมั่นที่จะส่งจรวดพิสัยใกล้-พิสัยไกลให้กองทัพยูเครนไว้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย หรือเอาไว้ละเมิด เส้นแดง-เส้นตาย ที่รัสเซียเขาได้กำหนดไว้ใน หลักนิยมนิวเคลียร์ ครั้งใหม่ ล่าสุด…เห็นว่าคุณพ่ออเมริกายังได้นำเอาระเบิดนิวเคลียร์ ที่เรียกว่า Thermonuclear gravity bomb หรือ B61-12 ที่ว่ากันว่ามีอานุภาพการทำลายล้าง มากกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่ชื่อว่า Fatman ซึ่งเคยนำไปหย่อนใส่หัวชาวนางาซากิครั้งอดีตถึง 2 เท่า แม้จะเคยนำกลับมาจากอังกฤษเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว หรือเมื่อ สงครามเย็น ยุติลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง…ก็กลับนำไปติดตั้งไว้ใหม่ ณ ฐานทัพอากาศ RAF ของอังกฤษอีกเที่ยว คล้ายๆ พร้อมจะให้อะไรต่อมิอะไรมัน ฉิบหาย-วายวอด กันไปในระดับทั่วทั้งโลก…อะไรประมาณนั้น!!!

ส่วนถ้าจะถามว่า…ระหว่าง ระเบิดนิวเคลียร์ กับระเบิดธรรมดา มันผิดแผก แตกต่างกันแบบไหน? อย่างไร? สิ่งที่ ดร.ทาคาชิ นากาอิ ท่านบอกไว้โดยละเอียดในหนังสือเรื่อง The Bell of Nagasaki น่าจะพอช่วยให้นึกภาพความน่าเกลียด น่าทุเรศ น่าอเนจอนาถ เวทนา ของอาวุธชนิดนี้ได้มั่ง ดังข้อความที่ว่า…“ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างความเสียหายที่เกิดจากระเบิดธรรมดากับระเบิดปรมาณู (นิวเคลียร์) นั้นคือ หนึ่ง กรณีของระเบิดปรมาณู ความเสียหายที่เกิดจากชิ้นส่วนแตกหักต่างๆ ที่ปลิวว่อนออกมากระทบ…แทบไม่มีความสำคัญ สอง ระเบิดปรมาณูแผ่กัมมันตรังสี และสาม กัมมันตรังสีเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงแม้อีกนานวันต่อมา อานุภาพของระเบิดปรมาณูนั้นรุนแรงจนไม่อาจบรรยายได้ ผู้คนที่ได้รับผลกระทบอย่างจังเช่นที่อยู่นอกอาคาร บนหลังคา ตามหน้าต่าง จะถูกอัดกระแทกลงไปกองกับพื้น หรือไม่ก็ถูกพัดตวัดให้ลอยละลิ่วไปกับแรงพายุ”

และ… “คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางแห่งการระเบิด ถ้าไม่ตายทันที ก็อีกสอง-สามนาทีหลังจากนั้น ห้าร้อยเมตรจากจุดศูนย์กลางระเบิด เราพบร่างไร้ชีวิตของหญิงซึ่งนอนอยู่ในสภาพหน้าท้องเปิดแตก ทารกที่เคยอยู่ในครรภ์หลุดออกมากองระหว่างขาของเธอ หากแม่และลูกยังผูกโยงกันด้วยสายสะดือที่เคยเชื่อมระหว่างสองชีวิต ยังมีศพที่หน้าท้องแตกออกจนเห็นอวัยวะภายในชัดเจนอีกมากมายหลายศพ เจ็ดร้อยเมตรจากตำแหน่งระเบิด เราพบศีรษะมนุษย์หลายหัวที่กระเด็นจากร่าง กะโหลกแตกร้าว เลือดไหลจากช่องหู ยังมีบาดแผลที่เกิดกับผิวหนังที่เปิดม้วนอย่างทันที-ทันใด แต่ยังห้อยรุ่งริ่งติดอยู่กับร่างกาย ผิวหนังของเหยื่อแห่งความร้อนสูงสุดที่แผ่ออกมาในนาทีระเบิด หลุดลอกจากที่เคยปกคลุมเนื้อชั้นใน ด้วยความกว้างแต่ละจุดประมาณหนึ่งเซนติเมตร มันฉีกออกเป็นริ้วๆ ม้วนลอกห้อยเป็นแผ่นยาว ดูเหมือนไม้ขนไก่หรือไม้ถูพื้นที่มีสีน้ำตาลเข้มปนม่วง จากจุดที่ผิวลอก มีเลือดออกอยู่ที่ผิวหนังชั้นใน ขณะถูกจู่โจม เหยื่อแห่งความร้อนเหล่านี้จะไม่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากนัก แต่อีกชั่วขณะ…พวกเขาจะทรมานอย่างแสนสาหัส ตามด้วยอาการหนาวสั่นสุดจะทนทานได้ ผิวที่ลอกออกมาบอบบางและหลุดอย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ มักตายลงไปนับจากนั้น…”

นี่…น่าเกลียด น่าทุเรศ น่าอเนจอนาถขนาดไหน? ก็ลองไปนึกๆ คิดๆ เอาเองก็แล้วกัน แต่ดูเหมือนว่า…เพียงแค่นี้ยังอาจไม่ สะใจ ต่อบรรดาผู้ประดิษฐ์ คิดค้น อาวุธมหาประลัยเหล่านี้เอาเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้…เมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี่เอง ว่ากันว่า…กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ขออนุมัติงบประมาณต่อสภาคองเกรส เพื่อพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ที่เรียกว่า B61-12 ซึ่งจะมีอานุภาพมากกว่าที่เคยใช้ทำลายเมืองฮิโรชิมาขึ้นไปอีกถึง 24 เท่า ด้วยข้ออ้างว่าเพราะรัสเซียยุคที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต เคยมีระเบิดนิวเคลียร์ชื่อว่า Tsar Bomba ที่ว่ากันว่ามีอานุภาพระเบิดมากกว่าที่เคยถล่มฮิโรชิมาถึง 1,500 เท่า จริง-ไม่จริงก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือ…อะไรมันจะโหดเหี้ยม อำมหิต ผิดมนุษย์มนาเท่านี้ย่อมไม่มีอีกแล้ว สำหรับ สงคราม ที่นับวันใกล้ๆ จะกลายเป็น สงครามนิวเคลียร์ ยิ่งเข้าไปทุกที!!!.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘จิรายุ’ วอนปิดเว็บพิกัดศูนย์พักพิงเสี่ยงถูกล็อคเป้า

7 นาทีที่แล้ว

เดือด! เตือนรัฐบาล ห้ามขายชาติแลกภาษีทรัมป์-ฐานทัพต่างชาติ

12 นาทีที่แล้ว

ฮุนมาเนต ตอบรับทรัมป์ เตรียมพร้อมหยุดยิง

22 นาทีที่แล้ว

สว.วีระพันธ์ จี้ ‘นายกฯ-ครม.’ ยกเลิก MOU 2543-44 กลับใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทันที

30 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

‘โฆษกรัฐบาล’ ฟาด ‘กัมพูชา โกหกรายวัน! ‘ฮุน มาเนต’ ไม่จริงใจ ยัน ‘ทหารไทย’ เป็นสุภาพบุรุษ

The Bangkok Insight

‘จิรายุ’ วอนปิดเว็บพิกัดศูนย์พักพิงเสี่ยงถูกล็อคเป้า

ไทยโพสต์

"ภูมิธรรม" ลั่นไทยพร้อมหยุดยิง แต่กัมพูชาต้องจริงใจ

สวพ.FM91

‘สว.วีระพันธ์’ ชี้โอกาสมาแล้ว! ‘นายกฯ-ครม.’ ยกเลิก MOU 43-44 กลับใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000

เดลินิวส์

‘บิ๊กเล็ก’ขอฟังเสียงคนไทยทั้งประเทศหยุดยิงหรือไม่ ยังให้คำตอบ ‘ทรัมป์’ไม่ได้

เดลินิวส์

เดือด! เตือนรัฐบาล ห้ามขายชาติแลกภาษีทรัมป์-ฐานทัพต่างชาติ

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม