ธีรรัตน์ต่อสาย ถามผู้ว่าอุบลฯ หลังถูก สส.ชายแดนภูมิใจไทยจี้ 7 วันยังเบิกงบช่วยประชาชนไม่ได้
วันนี้ (31 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งมี ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่การประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ ธนา กิจไพบูลย์ชัย สส. ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย
ธนา กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ชายแดน พวกเราเข้มแข็งมากพอ ไม่ต้องสงสาร และไม่ต้องเห็นใจ แต่สิ่งที่ตนเองอยากถามในวันนี้หน้าที่ของรัฐบาลคืออะไร จะปล่อยให้เราต้องอยู่ในสถานการณ์นี้อีกนานแค่ไหน ทราบหรือไม่ว่า ตลอด 7 วันที่ผ่านมา ยังไม่มีงบจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทั้งที่รัฐบาลบอกว่าอนุมัติแล้ว ปัจจุบันต้องอาศัยเงินบริจาค และงบสำรองจาก อปท.เป็นหลัก
“พวกท่านนอนหลับได้อย่างไร โดยไม่คิดอะไรได้อย่างไร ในขณะที่ประชาชนต้องฟังเสียงปืนเล็ก ปืนใหญ่ทั้งวันทั้งคืน หลายคนไม่มีแม้กระทั่งรองเท้า เสื้อผ้าเปลี่ยน หรืออาหารเพียงพอหรือไม่” ธนากล่าว
ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคอย่างห้องน้ำหรือสิ่งจำเป็นพื้นฐาน รัฐบาลเคยลงมาดูบ้างหรือไม่ มีแต่คำสั่งการ แต่ไม่มีการช่วยเหลือ ทุกวันนี้อาศัยจากผู้ที่มีจิตอาสา ในเมื่อรัฐบาลมีงบประมาณหลายแสนล้าน ทั้งงบกลางที่ใช้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมากมาย เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนจะเก็บไว้ทำไม แล้วประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นพี่น้องคนไทยดูแลหรือไม่
ธนากล่าวต่อว่า รู้สึกเสียใจที่ครั้งหนึ่งเคยโหวตให้เป็นรัฐบาล จึงอยากถามว่า รัฐบาลจะเยียวยาประชาชนทั้งในแง่ความเสียหายของบ้านเรือนและค่าเสียหายทางจิตใจ ทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการให้ขวัญกำลังใจ ทั้งทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และประชาชนที่ทำงานอย่างหนัก รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร โดยอยากทราบว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเชิงรุกอย่างไร
นอกจากนี้ เรื่องค่าไฟตามศูนย์อพยพได้มีการเตรียมการไว้หรือไม่ รวมไปถึงค่าตอบแทนถึงทหารทั้งแนวหน้า และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนในแนวหลัง อีกทั้งค่าเยียวยาจิตใจหลังเหตุปะทะสงบลง ประชาชนในพื้นที่จะนอนหลับหรือไม่
ขณะที่ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้ว่า ขณะนี้ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชามีการปะทะกันซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดน โดยได้มอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อรับฟังข้อมูลจริงและสั่งการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้จากการประชาสัมพันธ์บนเพจเฟซบุ๊กของกระทรวงมหาดไทย แต่สิ่งที่ท่านได้พูดมานั้นค่อนข้างขัดแย้งกับสิ่งที่พื้นที่ประสบจริง รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันพี่น้องในพื้นที่ได้รับอาหารครบถ้วน มีความพึงพอใจ และขอบคุณรัฐบาลเร่งอพยพประชาชน ซึ่งได้อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี
ธีรรัตน์ชี้แจงถึงระเบียบการเยียวยาที่ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้วเป็นเงินทดลองราชการ 100 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งถือเป็นกรอบวงเงินที่สามารถใช้ได้ และในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างนั้นเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเซ็นอนุมัติ พร้อมเรียกประชุม 7 ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน กระจายงบไปในแต่ละอำเภอเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายและคล่องตัวมากขึ้น เรามั่นใจได้ผู้ปฏิบัติงานต้องไม่มีเรื่องงบประมาณ รวมถึงผู้ว่าฯ สามารถนำเงินส่วนนี้ไปมอบให้กับประชาชนผู้ประสบภัยได้ ขณะที่ค่าน้ำค่าไฟตามศูนย์อพยพนั้นไม่มีการเก็บค่าชำระสามารถใช้ได้ฟรี
จากนั้น ธนา ตั้งคำถามต่อว่า รัฐบาลขาดการสื่อสาร ถามถึงความล่าช้าในการสื่อสารกับประชาชน เพราะทุกวันนี้ประชาชนในพื้นที่ต้องเสพข่าวจากทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่มีการคัดกรองข้อมูลแต่อย่างใด ประชาชนในพื้นที่เวลานี้ส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น เหตุใดจึงไม่มีการส่งข้อความเตือนประชาชน
ส่วนเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น ตนได้รับการร้องเรียนจาก ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานีว่า อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อ้างระเบียบว่าไม่สามารถเบิกจ่ายได้เพราะเกรงจะมีความผิดทางกฎหมาย ขณะที่จังหวัดอื่น เช่น ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ยืนยันว่าพร้อมช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ดังนั้นที่ระบุว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการแล้ว ตนอยากทราบว่าสั่งการกับใคร
จากนั้น ธีรรัตน์ได้ใช้โทรศัพท์ส่วนตัวต่อสายถึง อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ขอให้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบทดลองจ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย อดิศักดิ์ยืนยันว่า “เบิกได้ทั้งหมด ส่วนอาหารก็มีทั้งบริจาคและพระราชทาน” ก่อนจะวางสาย
ทั้งนี้ เนื่องจากเวลามีจำกัด และเป็นการกล่าวถึงบุคคลที่สามที่ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง จึงใช้วิธีนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับข้อมูลโดยตรง พร้อมย้ำว่าข้อกล่าวหาของธนาเป็นความเลื่อนลอย
ธีรรัตน์ยังกล่าวถึงในส่วนของ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) สามารถใช้การจ่ายงบประมาณในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนได้ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณ อปท. ซึ่งหากมีการสั่งใช้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือบุคคลภายนอกสามารถเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงได้
ขณะที่ บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายตามพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ต้องรอการอนุญาตจาพฝ่ายความมั่นคงลงไปตรวจสอบได้ พร้อมยืนยันกับประชาชนทุกคนว่ารัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ และไม่เคยนอนหลับอย่างสบายใจสักคืนเดียว พักแค่ 1 ชม. และตื่นมาทำงานใหม่
“พี่น้องในพื้นที่ชายแดนต้องการขวัญกำลังใจ อยากให้พวกเราเลิกทะเลาะเบาะ เพราะวันนี้ศัตรูของเราประเทศที่สร้างความรุนแรง ไม่มีใครอยากให้เกิดสงครามขึ้น เพราะสงครามไม่ใช่คำตอบหรือบทสรุปของการบอกว่าใครคือผู้ชนะหรือผู้แพ้ เมื่อเกิดสงครามขึ้นแล้ว ทุกคนคือผู้ที่พ่ายแพ้ และมีประชาชนทั้งสองประเทศต้องสูญเสีย ไป ต้องจบชีวิตไป รัฐบาลไทยได้พยายามบอกมาโดยตลอดว่าขอใช้แนวสันติวิธีในการยุติปัญหานี้” ธีรรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย