ว่าด้วยสงครามการค้า ณ 1 สิงหาคม 2025
GM Live
อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เว็บไซต์ว่าด้วยเรื่องราวของผู้ชาย เทรนด์ บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ธุรกิจ รถยนต์ Gadget สุขภาพ อัพเดทก่อนใครในขณะที่สถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชายังไม่สงบดี ข่าวคราวเกี่ยวกับการพูดคุยเรื่องภาษีการค้ากับสหรัฐอเมริกาก็มีความคืบหน้า ล่าสุด ทางสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีไทยที่ 19% จากเดิม 36% ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในกรณีนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้วิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวอย่างน่าสนใจ ซึ่ง GM Live ขอเชิญคุณมาร่วมพิจารณาและติดตามในบทความชิ้นนี้
ประเทศไทยถูกกำแพงภาษีที่ระดับ 19% สำหรับสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยส่งออกไปยังสหรัฐ (ซึ่งคงต้องรอดูต่อว่าเราได้อัตรานี้มาโดยยอมแลกอะไรไปบ้าง)
เพื่อนบ้านอาเซียนที่ได้อัตรา 19% เหมือนไทย คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา (ซึ่งงงมากว่าได้มาได้อย่างไร ทั้งที่เป็นประเทศขึ้นบัญชีดำในเรื่องค้ามนุษย์ ฟอกเงิน และไม่เป็นประชาธิปไตย)
เวียดนามโดย 20% บรูไน 25%, สิงคโปร์ ตามที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์แจ้งคือ 10%, ส่วน สปป.ลาว และ เมียนมา ยังไม่มีข้อสรุปการเจรจา จึงถูกภาษีที่ 40%
การบังคับใช้: คำสั่งนี้ได้กำหนดอัตราภาษีเพิ่มเติมแบบ ad valorem สำหรับสินค้าจากประเทศคู่ค้าบางประเทศตามที่ระบุใน Annex I อัตราภาษีนี้จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้าหรือนำออกจากคลังสินค้าเพื่อบริโภคตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น.
สินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่ง: สินค้าที่ถูกบรรทุกขึ้นเรือ ณ ท่าเรือต้นทาง และอยู่ระหว่างการขนส่งก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น. (EDT) และนำเข้าหรือนำออกจากคลังสินค้าเพื่อบริโภคก่อนวันที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลา 00:01 น. (EDT) จะยังคงอยู่ภายใต้อัตราภาษีเดิมตามคำสั่ง Executive Order 14257 (ฉบับก่้อนหน้า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025)
การขนส่งสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี (Transshipment): หากศุลกากรสหรัฐฯ (CBP) ตรวจพบว่ามีการขนส่งสินค้าผ่านประเทศที่สามเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีตามคำสั่งนี้ สินค้านั้นจะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 40% และอาจถูกลงโทษอื่น ๆ ตามกฎหมาย
ข้อยกเว้น: คำสั่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อคำสั่ง Executive Order 14298 ของวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ที่เกี่ยวข้องกับการปรับแก้อัตราภาษีตอบโต้เพื่อสะท้อนการหารือกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งหมดนี้สิ่งที่เราต้องพิจารณาต่อไปคือ
1. เพื่อให้ได้ภาษีนี้มา ประเทศไทยยอมเปิดตลาดสินค้าใดบ้าง และยอมรับเงื่อนไขอื่นๆ อีกหรือไม่ โดยเฉพาะในมิติความมั่นคง และการเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
2. เราอย่านิ่งนอนใจ เพราะอัตรา 19% ถือว่าสูงพอสมควร และจะทำให้ผู้บริโภคสหรัฐต้องรับภาระในรูปแบบของราคาสินค้านำเข้าจากไทยที่สูงขึ้น ดังนั้นในระยะต่อไป ลูกค้าอเมริกันจะเปลี่ยนพฤติกรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ สัดส่วน 18% ของมูลค่าส่งออกไทย ที่เคยส่งออกไปสหรัฐ จะปรับลดลง ดังนั้นเราต้องสร้าง Team Thailand #2 เพื่อออกไปหาแหล่งวัตถุดิบใหม่, หาตลาดใหม่, และเร่งเจรจาข้อตกลงเสรีการค้าในทุกกรอบ เพื่อขยายโอกาส
3. เงื่อนไขที่เราให้สหรัฐ (หากมากจนเกินไป) จะทำให้เรามีปัญหากับจีน ดังนั้นต้องมี Team Thailand #3 เพื่อเจรจาและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน
4. เงื่อนไขที่เราให้สหรัฐ (หากมากจนเกินไป) หากทำให้ผู้ประกอบการในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกร เดือนร้อน รัฐบาล (ซึ่งคาดหวังอะไรไม่ได้มากนัก) ร่วมกับข้าราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม(ซึ่ง 3 ฝ่ายนี้คาดหวังได้มากกว่า เป็นมืออาชีพมากกว่า) จำเป็นต้องมีมาตรการเยียวยา ชดเชยผลกระทบที่เป็นรูปธรรม โดยต้องวางอยู่บนหลักวิชาการ และหลักการที่ประชาคมโลกยอมรับ
รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม
คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย