เรื่องไม่บังเอิญในโลกดนตรีของ ‘เล็ก Greasy Cafe’ และความสัมพันธ์เปราะบางที่ทำให้คนตาสว่าง
ผมประบ่า ดวงตาหม่นเศร้าแต่เต็มไปด้วยความสุขุมนุ่มลึก ใต้เสื้อยืดขาวตัดยีนส์สีอ่อนนั่งเท้าคางชันเข่าบนปกอัลบั้ม‘สิ่งเหล่านี้’ ทั้งอักษรตวัดคำสั้น‘Greasy Cafe’ หากมองผ่านเผินๆ เชื่อว่าคงต้องหันกลับไปจ้องใหม่ เพราะใบหน้าเจ้าของอัลบั้มดูจะมีคำถาม และกำลังอยากหาคำตอบจากผู้ที่กำลังมองเขาอยู่
ร้านหนังสือประตูบานเล็กแขวงคลองสาน ซ่อนไว้ด้วยมวลอากาศอุ่นกำลังรอให้เขาเปิดเข้ามา ความยาวเส้นผมดูไม่ต่างจากเมื่อก่อนมากนัก เดาว่าอาจจะมากขึ้นสักสองสามนิ้ว นอกจากร่องรอยตามแก้มแสดงถึงวัยที่ผันผ่านมา แววตาของเขายังเหมือนเดิม ยังดูเป็น ‘เล็ก Greasy Cafe’ ดังเดิม
สิ่งที่เธอเป็นอาจมีความงาม
ที่รอการล่วงรู้และพบเจอ
‘อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร’ คือชื่อกำเนิดของเขา ศิลปินผู้ซื่อสัตย์กับความเปราะบางผ่านเนื้อเพลง ทั้งท่วงทำนองห่อหุ้มความเศร้า และเส้นเสียงเข้มลึกเป็นเอกลักษณ์คอยปลอบประโลมคนฟัง เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองร้องเพลงได้ เพราะมือสองข้างจับแต่กล้องถ่ายรูปลั่นชัตเตอร์มากว่า 10 ปี
กระทั่งวันหนึ่งแฟลชของเล็กสาดใส่ รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์) เจ้าของค่ายเพลง Smallroom เข้าให้ มีโอกาสได้พูดคุยกันจนรู้ว่าเล็กออกเล่นดนตรีกลางคืนกับเพื่อนบ้างเป็นครั้งคราว เกิดเป็นคำเอ่ยปากชวนว่ามาทำเพลงไหม แค่เพลงเดียวขำๆ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เล็กตบปากรับไปแม้จะยังไม่มั่นใจ ความรู้สึกของเขาขณะนั้นมีเพียงว่าทำเพลงให้เสร็จแล้วจะได้กลับไปถ่ายรูปต่อ
และชีวิตของเล็กก็กลับมาอยู่กับรูปภาพอีกครั้ง ทว่าการพบปะกันของเขากับรุ่งในวันนั้นไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่กลับเป็นแรงดึงดูดให้ต้องวนเวียนมาเจอกันอีก จนถึงวันนี้เล็กก็ยังไม่รู้ว่ารุ่งเห็นอะไรในตัวเขา แต่ ‘เล็ก Greasy Cafe’ ที่เราเห็นกันขณะนี้ก่อเกิดจากบทสนทนาเพียงสั้นๆ ในวันนั้น
“เล็ก มันน่าจะถึงเวลาแล้ว” รุ่งร้องทัก
“ถึงเวลาอะไรนะ” เล็กถาม
“ทำอัลบั้ม!” รุ่งร้องดังกว่าเดิม
แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน เล็กเล่าว่าเขายังจำความรู้สึกของตัวเองได้เป็นอย่างดี
“ตอนนั้นเราแบบเอาจริงเหรอ เป็นเรื่องที่ใหญ่โตเกินตัวมากเลย เพราะอัลบั้มหนึ่งอย่างน้อยต้องมี 10 - 12 เพลง เรารู้สึกว่ามันต้องใช้พลัง ใช้เวลา ถามว่าดีใจไหม ก็ดีใจนะ แต่เราไม่กล้ามั่นใจว่าจะทำได้ไหม กลัวไปเสียเวลาพี่รุ่งเขา แต่พี่รุ่งบอกไม่เป็นไรลองดู”
“ในที่สุดพอเราเริ่มทำเพลงจริงจัง แต่งเพลงไประยะหนึ่งก็รู้สึกว่าเราต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว เราถ่ายรูปมาร่วม 10 ปีกับโลกดนตรีที่ยังไม่มีโอกาส ยังไม่เคยออกไปวิ่งเล่น ถามตัวเองว่าลองไหม ก็อืมลองดูแล้วกัน ถ้ามันไม่ดียังไงก็รีบวิ่งกลับมา แต่พอเราเริ่มไปแล้วก็ไม่เคยหันหลังกลับมา เลยเถิดมาถึงทุกวันนี้”
จากการเดินทางที่ประเดิมด้วยเพลง ‘หา’ อัลบั้ม Smallroom001 ค่อยๆ ไต่ระดับมาในเพลง ‘พบ’ อัลบั้ม Smallroom002 และเริ่มออกบินด้วยอัลบั้ม ‘สิ่งเหล่านี้’ ในนามศิลปินเดี่ยว ออกทัวร์พร้อมกีตาร์โปร่งตัวโปรดให้ผู้ฟังได้เห็นหน้า การออกทัวร์เป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้เล็กขับเคลื่อนตัวเองในโลกดนตรี เพราะเขาได้พูดคุยกับผู้คน เสียงตอบรับชื่นชมทำให้เขาคิดกับตัวเองว่าสิ่งที่กำลังทำอาจไม่แย่เกินไปนัก กระทั่งดนตรีกลายเป็นหนึ่งสิ่งในชีวิตที่เล็กชอบที่สุด และลุ่มหลงในมันไปเสียแล้ว
จำความรู้สึกเมื่ออยู่บนเวทีครั้งแรกได้ไหม
“ตื่นเต้นมากแล้วก็กังวลมาก จำได้ว่าสายกีตาร์ขาด รู้สึกเลยว่าจบแล้วมึง คอนเสิร์ตจบแล้ว แต่พอเราผ่านช่วงเวลามาหลายๆ ปี สายขาดเส้นหนึ่งนี่เฉยๆ มากเลย แต่ในตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก ไม่กล้ามองคน ทุกวันนี้ก็ยังก้มหน้าก้มตาเล่น”
เพราะเขินเหรอ
“ก็ด้วย แต่เคยมีหลายๆ ครั้งที่เราอยากมองว่าคนฟังเป็นยังไงบ้าง เราเห็นเขาร้องไห้ แล้วเราร้องต่อไม่ได้ ก็เลยงั้นอย่าพยายามมองแล้วกัน ความประหม่าจะได้ลดน้อยลง ควบคุมสติได้ดีขึ้น”
ดูสนุกกับการทำดนตรี แต่ทำไมเนื้อหาเพลงถึงเศร้าจัง
“เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา บางชีวิตบางช่วงเวลาไม่ได้เป็นเรื่องสนุกเลย เป็นเรื่องที่ใจสลายมาก และเราไม่อยากเก็บไว้ข้างใน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่สนุก แต่สนุกตรงที่เราเรียบเรียงเพลง สร้างเพลงขึ้นมาแล้วมันท้าทาย”
การแต่งเพลงเป็นทางหนึ่งที่ทำให้เล็กได้ระบายความเศร้า คล้ายไดอารีที่มีเสียงสำหรับเขา เล็กว่าหลังแต่งเพลงเสร็จจะทำให้รู้สึกดีขึ้น เหมือนเวลาอึดอัดอยากพูดอะไรให้เพื่อนฟัง และพอได้บอกออกไปแล้ว ความหนักอึ้งก็จะคลายลง แม้อาจยังมีร่องรอยหลงเหลืออยู่บ้าง
หากคุณเป็นแฟนเพลงของเขา หรืออาจจะไม่ใช่ก็ตาม เราอยากให้ลองสัมผัสกับบางประโยคที่ถอดออกมาจากเพลงเต็ม และอ่านทวนสักครั้งสองครั้ง เผื่อว่าจะได้ยินเสียงความเศร้าที่โคตรจะโรแมนติกคลอเบา
แสงจันทราราตรีก่อน
กับนวลละออหยอกเหย้าเคล้าเรไร
เราต่างก็รู้อยู่ เต็มหัวใจที่มี
ว่าต้องเจอกับความระทม จากนี้ไป
-ฝืน
เธอเคยเชื่อไหม เราต่างเกิดมาเพื่อใครคนหนึ่ง
ทุกคืนวันจะมีชีวิตเพื่อกันและกัน
เธอจะรักเขาแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้
และจะยังรักแม้วันที่เขาสลายไป
- สิ่งเหล่านี้
พอจะได้ยินเสียงความเศร้าขึ้นมาบ้างหรือเปล่า
จักรวาลที่มีล้อมรอบ
ก็ไม่อาจมองให้เจอเหตุผล
ด้วยภาษาและศัพท์สวยวิจิตรของเล็กทำให้เราเกิดความสงสัยในที่มาที่ไปจนต้องเอ่ยถาม
มีแรงบันดาลใจในการเลือกใช้ถ้อยคำแต่งเพลงไหม
“ไม่แน่ใจว่ามาจากไหน แต่กระบวนการแรกของเรา คือเขียนไปเลย ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นยังไงก็เขียนไปก่อน และเลือกคำ 5 คำออกมาที่ใช้อธิบายซ้ำๆ กัน มาดูว่าใช้คำไหนได้อีกบ้าง แต่ความหมายยังเหมือนเดิม คำบางคำเราก็ไม่รู้ว่าถูกไวยากรณ์ไหม มั่วเอา”
อย่างคำคมในไอจีนี่มั่วไหม
“มั่ว (หัวเราะ) เราไม่ค่อยกล้าเรียกมันว่าคำคม เราว่าเป็นการระบายความในใจอย่างหนึ่งที่เกิดจากการขยี้คำ จะเลือกพูดอะไรที่ใช้มือตวัดออกมาแล้วเป๊าะ! (เล็กดีดนิ้ว) แบบเข้าใจได้เลย อยากจะพูดเรื่องนี้แต่จะพูดยังไงดี อย่างเพลง ‘คำสามคำ’ มันคือคำว่าฉันรักเธอ แต่ไม่อยากพูดคำว่าฉันรักเธอ เราสนุกมากกับการคิดว่าจะใช้คำอะไรที่ไม่ใช่การบอกไปแบบตรงๆ”
ในบัญชีอินสตาแกรมของเล็กมักจะเขียนลายมือหวัดลงกระดาษด้วยถ้อยคำสั้นๆ ถึงเขาว่าจะเขียนมั่วก็เถอะ แต่หากไม่กินใจคนคงไม่มียอดแชร์ออกไปไกลแทบทุกโพสต์ และประโยคนับร้อยที่พรั่งพรูออกมาจากตัวเอง มีอยู่หนึ่งประโยคที่เล็กยึดมาใช้ในชีวิตเนืองๆ “จงใช้โอกาสในขณะที่ยังมีอากาศ”
เล็กใช้โอกาสที่มีพุ่งเข้าใส่การแสดงด้วยบทบาท ‘เจ้โอ๊ต’ ใน MV เพลง ‘ความหมายของการมีลมหายใจ’ ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อจนเป็นที่พูดถึงกระหึ่มบนโลกออนไลน์ เพราะนอกจากเนื้อหาที่แสนปวดร้าว เล็กยังทำให้คนเซอร์ไพรส์ด้วยการพลิกบทบาทเป็นเพศที่สามผู้ไม่สมหวังในรัก
ทำการบ้านกับการแสดง MV นี้ยังไงบ้าง
“เราชอบการแสดงแต่ไม่มีทักษะเหล่านั้น ไม่เคยเรียน และไม่รู้เทคนิคอะไรเท่าไหร่ อย่างเจ้โอ๊ตก็ต้องเริ่มจากคิดว่าเขาอายุเท่าไหร่ เขาน่าจะเป็นคนแบบไหน ผ่านอะไรมาบ้าง เราหาคลิปดูในทุกๆ เช้าว่าคนประมาณเจ้โอ๊ตที่ผ่านเรื่องหนักๆ มาเป็นยังไง ทั้งวิธีพูด วิธีคิดของเขาด้วย พยายามทำความเข้าใจ”
“อีกสิ่งสำคัญ คือถ้าเราเป็นเจ้โอ๊ต แล้วต้องรักพระเอกมากๆ เราจะรู้สึกแบบไหน เป็นการพยายามพูดกับตัวเองว่าคนๆ นี้ คือคนรักของเรา จนวันถ่ายทำเราก็รู้สึกจริงๆ นะว่าพระเอก คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ตอนที่เขาจากไป แล้วเป็นฉากเรากอดหมอน เราเสียใจจริงๆ”
เนื้อหาที่แท้จริงของเพลงความหมายของการมีลมหายใจคืออะไร
“หลายคนชอบพูดว่าความรักทำให้คนตาบอด แต่เราไม่เคยรู้สึกว่าเป็นแบบนั้นเลย ในการที่เรารักคนๆ หนึ่ง พยายามทำให้ความรักบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้ เขายอมแลก ยอมทำทุกอย่าง มันน่าจะเป็นความหมายที่ทำให้เขาอยากมีลมหายใจ สมมติต้องนั่งรถ 7 ชั่วโมงไปหาคนๆ หนึ่ง เขาตาบอดเหรอ ไม่เลย เขาแค่ทุ่มเท ความรักทำให้คนตาสว่างในแง่ที่ว่าเราได้เจอใครคนหนึ่ง ได้รู้จักเขา ในที่สุดแล้วก่อนจะจากกันไป มันทำให้เราได้รู้ว่าคนๆ นั้นแท้จริงแล้วเป็นคนยังไง”
เพลง ‘หาย’ ที่ฉีกจากทุกเพลงเพราะแสดงถึงการไม่มีอยู่ของคนรักบนโลกนี้แล้ว เล็กได้เรียนรู้อะไรจากเพลงนี้บ้าง
“การปล่อยวาง เรียนรู้ที่จะไม่ตั้งคำถามกับสถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น ถ้าคนๆ หนึ่งเดินจากไป เขาคงตัดสินใจแล้วว่าจะไป ไม่เห็นต้องรั้งเขาไว้เลย เอาโซ่ล่ามเขาไว้แต่ใจเขาก็ไม่อยู่ตรงนี้หรอก ในการที่คนมันจะไป ก็แค่ยอมรับเท่านั้นเอง เพราะคงมีเรื่องอะไรที่ไม่ดี ไม่ต้องใช้คำว่าเธอดีเกินไป เราแย่เกินไป มันอาจจะไม่ดีเลยก็ได้”
ทุกสิ่งเกิดจากใจทั้งนั้น ทิ้งหยุดปล่อยผ่านไปเท่านั้น
ทุกอย่างอยู่ที่ใจทั้งนั้น เกิดจากใจทั้งนั้น
ไม่เพียงแค่แทร็กเพลงร้อยทั้งร้อยของเล็กที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ผู้คน แต่คราวที่เขาถ่ายรูป และมองผ่านกล้องก็เป็นแนวสารคดีชีวิตเช่นกัน เล็กว่าเขาเองก็ยังคิดถึงการถ่ายรูป บางเวลายังอยากหยิบกล้องขึ้นมาจับอีกครั้ง แม้ชีวิตจะเดินเหินบนเส้นทางดนตรีแล้ว
เล็กสนใจอะไรในความเป็นมนุษย์มากที่สุด
“อืม เรารู้สึกว่าแต่ละคนมีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะดวงตา บุคลิก วิธีพูดจา เราชอบเจอคน เวลาถ่ายรูปจะมีบางครั้งที่ไม่ได้รีบถ่าย และมองตาเขาผ่านเลนส์ ชอบทิ้งเวลาให้เขาอยู่กับตัวเอง เขาอาจจะไม่ได้มองกล้องก็ได้”
มีดวงตาคู่ที่ชอบที่สุดไหม
“มี (เล็กตอบทันควัน) ตอนที่ไปโอมาน เราเจอลุงคนหนึ่งอยู่ที่ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ เขาเดินป้วนเปี้ยนๆ เราหันไปมองแล้วโห! แม่งได้ว่ะ อยากถ่ายรูปเขามากเลย รีบวิ่งไปขอ แต่เราจะเลือกช่วงเวลาให้เขาเหม่อ เป็นหนึ่งในรูปที่เรารักมาก ไม่มีอะไรเลยเป็นแค่ใบหน้าเขา แต่กินใจเรามาก สำหรับคนอื่นอาจจะคิดว่าไม่มีอะไร แต่เราคิดว่ารูปบางรูปสำหรับคนบางคนไม่ต้องมีอะไรหวือหวา แค่เป็นการหยุดเวลา ณ เวลาหนึ่ง สิ่งที่เราถ่ายมาได้ทำหน้าที่นั้นแล้วในรูปใบนั้น”
จริงไหมคำบางคำที่ใครบอก
เช่นความรักมักทำคนให้ตาบอด
ถ้าคนๆ หนึ่งไม่มีรักให้ยึดถือในชีวิตเลย คิดว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร
“เราคิดว่าเขาอาจจะเจอเรื่องที่มันหนักมากๆ แล้วเขาอาจจะเจ็บหนักมากๆ มันเหมือนกับในที่สุดแล้ว เวลาที่เจ็บหนักก็ยังแหยงๆ อยู่ แต่สักพักหนึ่งเราจะลืม พอลืมได้แล้ว จงเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอกับอะไรใหม่ๆ อย่าคิดว่าทุกความรักที่เกิดขึ้นจะทำให้เราเจ็บ อย่าคิดว่าการจบลงของความสัมพันธ์ คือการจบแล้วซึ่งชีวิต แต่มันคือการโคตรจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เรานะ แบบเชี่ย! กูได้จบกับมึงสักที คือเราจะอยู่กับเขาทำไมในขณะที่เขาเป็นคนโคตรแย่เลย เราอาจจะได้เจอความสัมพันธ์ที่ดีมากแบบที่ไม่เคยเจอเลยในชีวิตก็ได้”
มีโอกาสจะแต่งเพลงรักโรแมนติกบ้างไหม
“ไม่แน่ใจ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากนะ แต่แค่ไม่รู้จะพูดออกมายังไง อาจจะไม่มีเรื่องที่มาสะกิดใจจนต้องเขียน ยังไม่รู้จะแต่งได้เมื่อไหร่”
เล็กว่าเขาเจอความรักที่ใช้คำว่าโคตรดีได้เลย เพียงแต่ตัวเขาไม่ถนัดกับการพูดอะไรแบบนั้นมากกว่า และหากอยากรับแรงกระแทกความโศกแบบจังๆ เตรียมตัวเข้าที่ให้ดี เพราะคอนเสิร์ต ‘Greasy Cafe GATES TO THE OTHER SIDE’ จะจัดขึ้นวันที่ 23 สิงหานี้แล้ว! ท่วงทำนองแห่งความเศร้าจะห่อหุ้มตัวคุณไว้ ก่อนจะพาเปิดประตูเพื่อพบแสงสว่างในบานใหม่
คอนเซปต์ GATES TO THE OTHER SIDE มีที่มาอย่างไร
“เราสื่อถึงประตูแต่ละบานที่แตกต่างในช่วงชีวิตเรา ประตูบางบานเปิดไปแล้วเจออดีตที่อยากลืม บางบานเป็นกำลังใจ เป็นความหวังที่ต้องการในตอนนั้น เรารู้สึกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการเลือกเพลงจากหลายช่วงเวลา มันน่าจะมีประตูหลายบานจากหลายสถานการณ์มาอยู่ด้วยกัน เราว่าประตูบางบานไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจไข แค่ผลักออกไป เพียงแต่เราอาจจะไม่กล้าเปิด”
“ครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งอื่นด้วย เพราะเราจัดในสถานที่ปิด พร้อมกับโปรดักชันที่พยายามทำให้มันดีที่สุด อธิบายให้ได้มากที่สุด อย่างใช้เครื่องดนตรีแปลกๆ หรือเครื่องดนตรีพื้นบ้าน”
คนฟังจะร้องไห้อีกไหม
“ไม่กล้าบอกเลย แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้มาอยู่ด้วยกัน ค่อยๆ เปิดประตูทีละบานไปด้วยกัน มันอาจทำให้ใครบางคนที่รู้สึกแย่อยู่ลุกขึ้นมาว่าเออ! ไม่เป็นไร ลุยต่อ”
การเดินทางในวงการดนตรีมานานทำให้รู้สึกว่าตัวเองแก่หรือเปล่า
“เราไม่ว่างแก่ เรายังโคตรสนุกเลย ยังอยากโดดบนเวทีลงมาพื้นได้ ก็แค่ไปทำร่างกายให้แข็งแรง อย่าอ้างว่าทำไม่ได้เพราะอายุเท่านี้ มึงโตได้ แต่อย่าทิ้งความเป็นเด็ก ตอนเด็กเราโคตรจะมัน ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย”
ตะวันเริ่มร่วงหล่น แสงนอกร้านหนังสือหายากสาดผ่านหน้าต่างไม้บางเบา กระทบลงแขนที่วาดรอยสักรูปกระเบน ชายผมประบ่าผู้สุขุมนุ่มลึกเล่าที่มาว่าเขาชอบความเคลื่อนไหวใต้น้ำ แม้ฟังดูธรรมดา แต่มันจะพิเศษหากเรามองเห็น พร้อมตบท้ายว่ารอยสักรอยแรกเป็นนามสกุลตัวเอง เพราะพ่อแม่ท่าจะไม่ให้สัก แต่หากสักนามสกุลมายังไงก็ด่าไม่ได้หรอก เสียงหัวเราะเคล้าเบาหลังจบประโยค
‘เล็ก Greasy Cafe’ ในวันนี้ยังเป็นคนเดิม และทั้งเขาทั้งท่วงทำนองในบทเพลงคงไม่ว่างแก่จริงๆ
ขอขอบคุณสถานที่ ‘Walden Home Cafe’ ร้านเล็กๆ ที่แสนอบอุ่น
และหากใครยังไม่มีที่นั่ง อย่ารอช้า! กดเข้าไปจับจองกันได้ในhttps://www.theconcert.com/concert/4159