‘วันนอร์’ ชี้ ม็อบการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากการเมืองไม่นิ่งส่งผลเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่น
'วันนอร์' โยนวิป 2 ฝ่าย ถกดันนิรโทษกรรม ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เชื่อ หากพลักดันสำเร็จจะสร้างความปรองดองให้กับคนในประเทศ แต่หากไม่สำเร็จจะมีผู้ที่เดือดร้อน ชี้ม็อบการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากการเมืองไม่นิ่งก็จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่น ตามมา
วันนี้ (28 มิ.ย. 68) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรมีแนวคิดที่จะผลักดัน การพิจารณาเรื่องนิรโทษกรรมว่า ขณะนี้ยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณาปรับปรุงก่อนเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยจะต้องมีการหารือกับวิปทุกฝ่ายก่อนที่จะนำเข้าสู่วาระพิจารณาของสภาฯ
ส่วนในเนื้อหาของการนิรโทษกรรมยังมีความเห็นต่างกันอยู่ของผู้พิจารณา คาดว่าจะต้องมีการปรับปรุงและรัฐบาลจะต้องรับฟังเพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับตรงกัน พร้อมชี้ว่าเรื่องร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นร่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ ซึ่งหากผลักดันได้สำเร็จก็สามารถสร้างความปรองดองให้กับประเทศได้ในระดับหนึ่ง แต่หากกฎหมายไม่สำเร็จก็อาจจะมีผู้ที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อน จากความเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน
“ หากเราทำให้คนเรานั้นสามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ได้ก็จะช่วยให้การเมืองเดินไปได้มากยิ่งขึ้น” นายวันมูหะมัดเนอร์กล่าว
ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองในวันนี้ ว่าในฐานะประธานรัฐสภาไม่ต้องการที่จะให้ความเห็นหรือคาดการณ์เกี่ยวกับการชุมนุม ทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการเมืองเป็นเรื่องธรรมดาที่มีปัญหา พร้อมกับหยิบยกการเมืองในประเทศจีนที่พัฒนาได้ เพราะการเมืองของจีนค่อนข้างเป็นระบบ แต่ถ้าหากการเมืองไม่นิ่งก็ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจตามมา
“การลงทุนก็มีปัญหา เพราะคนขาดความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปที่จะพิจารณามาลงทุน นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวประเทศไทยถ้าประเทศไทยยังเป็นปัญหาเช่นการประท้วงอะไรต่างๆ รัฐบาลมีความไม่มั่นคงนักท่องเที่ยวจะเลือกไปประเทศอื่นก็ได้ แล้วเสียโอกาสระดับหนึ่ง แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าประชาธิปไตยก็เป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยในขณะนี้ค่อนข้างจากประเทศที่เป็นนำประเทศอื่นในอาเซียน เรากลับถอยรั้งล้างท้ายในประเทศอาเซียน ในทุกด้าน” นายวันมูกะมัดนอร์กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ตัวหยิบยกการพัฒนาของจีนว่า ในการพัฒนาทุกด้านจะต้องแก้ไขเรื่องความปลอดภัย หากไม่มีความปลอดภัยทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยวก็ไม่ต้องการที่จะเข้ามา ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงการก่อการร้าย แต่ยังหมายถึงการหลอกลวงต้มตุ๋นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมย้ำว่าการพัฒนาของประเทศในทุกด้านก็ต้องมีความโปร่งใสด้วย และความปลอดภัย