แม่สุดทน ยกบ้านเป็นชื่อลูกชาย พอโตมาโดนไล่ไม่ให้แม่กลับมาอยู่
26 มิ.ย. 68คุณแม่แอน อายุ 49 ปี คุณแม่ เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อปี 2536 ตนเองแต่งงานกับสามี มีลูกด้วยก 1 คน เป็นลูกชาย ส่งเสียลูกเรียนหนังสือ และดูแลลูกชายมาโดยตลอด จนปี 2546 ลูกชายอายุ 10 ขวบ ตนเองจับได้ว่าสามีไปมีผู้หญิงอื่น ตนเองจึงตัดสินใจมอบบ้านให้กับลูกชาย ซึ่งทางเขตก็บอกว่าทำไมถึงไม่โอนเป็น 2 ชื่อ หรือแบ่งครึ่ง ไม่กลัวลูกทิ้งหรอ ด้วยความรักที่มีต่อลูกชาย และเชื่อใจจึงโอนให้ลูกเพียงผู้เดียว
หลังจากนั้นผ่านมา 2 ปี สามีของตนเองเสียชีวิตลง ในตอนที่ลูกของตนอายุ 12 ปี ทำให้ตนเองต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หาเช้ากินค่ำ หาเงินส่งลูกไปเรียนหนังสือ ส่วนลูกชายเติบโตขึ้นอายุ 20 ปี ลูกชายพาผู้หญิงเข้าบ้าน ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่ค่อยพอใจ เนื่องจากฝ่ายหญิง มีพฤติกรรมชอบนำยาเสพติดเข้าบ้าน ดื่มน้ำกระท่อม หนักเข้าก็เห็นว่ามีคนมาเรียกที่หน้าบ้าน เพื่อมาขอซื้อใบกระท่อม ทำให้ตนเองและลูกสะใภ้ทะเลาะกันเรื่อยมา เข้าหน้ากันไม่ติด เวลาทานข้าวลูกสะใภ้ก็จะออกไปกินข้าวนอกบ้าน ทำให้ลูกชายต้องคอยทะเลาะกับลูกสะใภ้ตลอดเวลา จนจึงตัดสินใจออกมาอยู่ห้องพักรายเดือน
จึงทำให้ตนเองเจอกับสามีใหม่ ซึ่งสามีขับรถสิบล้อ ส่วนตนเองขับรถแท็กซี่ และมีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นลูกชายคนเล็ก แต่ลูกชายคนเล็กกลับเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ตนก็คอยดูแลเลี้ยงดูเรื่อยมา แต่ตนเองก็ยังไม่ลืมลูกชายคนโต คอยแวะเวียนไปหาลูกชายคนโตตลอด เวลาที่ลูกชายไม่สบายก็จะคอยเอาข้าวไปให้ไม่เคยทิ้งห่าง
จนปัจจุบันลูกชายคนเล็กอายุ 9 ขวบ ส่วนลูกชายคนโตอายุ 32 ปี ส่วนสามีใหม่มีอาการป่วย เส้นเลือดตีบเฉียบพลัน อัมพาตครึ่งซีก จึงกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งตนเองเช่าห้องพักอยู่กับลูกชายคนเล็กเพื่อเลี้ยงดูเพียงลำพัง
ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ตนเองไม่สบายหนัก หมอบอกว่าเป็นกรวยไตอักเสบ จึงกลับไปหาลูกชายคนโตที่บ้านหลังนั้น เพื่อที่จะขอมาอาศัยอยู่ด้วย และเพื่อที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าเช่าห้องพัก
แต่ลูกชายคนโตก็บอกว่าไม่รักน้องคนเล็กไม่นับเป็นพี่น้อง เนื่องจากเป็นน้องชายต่างพ่อ รวมถึงลูกสะใภ้ก็ไม่พอใจที่ตนไปขออาศัยอยู่ และบอกกับลูกชายของตนว่าหากแม่อยู่ลูกสะใภ้ก็จะไม่อยู่บ้าน ทำให้ลูกชายและลูกสะใภ้ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ทำให้ตนเองเสียใจเป็นอย่างมาก ตนจึงตัดสินใจกลับมาอยู่ห้องเช่าอีกครั้ง
ตนเองอยากฝากบอกกับลูกชายว่า ตนเองกับน้องชายไม่ต้องการอะไรเลย และไม่เคยคิดที่จะเอาบ้านคืน แค่ให้แม่และน้องไปอยู่อาศัยด้วยช่วงที่ไม่มีงาน หากแม่ลืมตาอ้าปากได้ก็จะไม่มารบกวน
วันนี้ตนเองไม่มีทางออกจึงเดินทางร้องทางเพจสายไหมทั้งหมดเพื่อเป็นตัวกลางช่วยเจรจากับลูกชาย
ทางด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า จากที่ได้ฟังเรื่องราวของคุณแม่ที่รักลูกและมอบบ้านพร้อมที่ดินให้ลูกตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก็รู้สึกสะเทือนใจ ว่าทำไมลูกชายคนโต ถึงไม่มีจิตสำนึก และไม่ให้ความช่วยเหลือแม่ที่ยากลำบาก กลับกลายเป็นเห็นภรรยาดีกว่าแม่ตัวเอง ถึงครั้งนี้ตนเองจะติดต่อและเป็นคนกลางช่วยเจรจากับทางลูกชายให้ คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ยาก
ซึ่งตนขอบอกกับทางลูกชายไว้ว่า ความจริงแล้ว ผู้เป็นแม่สามารถฟ้องร้องเรียกทรัพย์สินที่ดินคืนจากลูกได้ หากลูกกระทำการประพฤติเนรคุณอย่างร้ายแรงต่อแม่ เช่น ทำร้ายร่างกาย ทอดทิ้ง หรือทำให้แม่ได้รับความอับอายอย่างร้ายแรง แม่สามารถฟ้องร้องเรียกทรัพย์สินคืนได้ ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ทราบเหตุ แต่ผู้เป็นแม่ไม่ทำ เพียงขอให้ลูกเห็นใจและช่วยเหลือก็เพียงพอ