เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ซัดกันนัวเบรกไอทีสี่หมื่นล้าน-จ่อซักฟอกนายกฯ
🟥 “เพื่อไทยเบรกไอทีสี่หมื่นล้าน – ภูมิใจไทยเตรียมซักฟอกนายกฯ”
สองมุมความขัดแย้งที่สะท้อนจุดแตกหักทางการเมือง – คนไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากสถานการณ์นี้?
⸻
🔻 มุมที่หนึ่ง: รัฐบาลเพื่อไทย “ระงับ” โครงการไอที 4 หมื่นล้าน – เบรกกลางคันนโยบายที่ภูมิใจไทยผลักดัน
รองนายกรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบาย Cloud First Policy ได้มีคำสั่ง “ระงับ” ขั้นตอนการประมูลจัดซื้อไอทีขนาดใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท
📍 รายละเอียดโครงการที่ถูกระงับ:
• โครงการเช่าระบบคลาวด์ จำนวน 6,834 VM มูลค่า 2,800 ล้านบาท
• โครงการจัดซื้อซอฟต์แวร์ + Learning Platform (ระยะที่ 2) มูลค่า 1,330 ล้านบาท
การสั่งระงับเกิดขึ้น หลังจากมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน ส่งหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการนโยบายฯ ชี้ว่าอาจมี “การล็อกสเปก” และ “เอื้อประโยชน์” ให้เอกชนบางราย ซึ่งอาจละเมิดหลักการ การใช้ระบบคลาวด์ภาครัฐร่วมกัน (ระบบกลาง) ที่ออกแบบมาเพื่อ ลดงบซ้ำซ้อน-เพิ่มความปลอดภัย-คุมการจัดซื้อ
ปัจจุบันคณะกรรมการฯ ได้ตั้ง อนุกรรมการเฉพาะด้านไอที เพื่อกำกับดูแล และสั่งห้ามทุกหน่วยงาน “แยกจัดซื้อเอง” หากไม่ได้รับอนุมัติ
🔍 หากผลตรวจสอบพบข้อพิรุธ หรือขัดมติคณะกรรมการ อาจมีคำสั่ง ยกเลิก TOR ทั้งหมด
📌 จุดที่น่าสนใจคือ: โครงการเหล่านี้มีที่มาจาก แนวนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยผลักดัน และการเบรกโดยรัฐบาลแพทองธารครั้งนี้ จึงถูกมองว่า ไม่ใช่แค่การตรวจสอบ แต่คือการเอาคืนหลังภูมิใจไทยถอนตัว
⸻
🔻 มุมที่สอง: ภูมิใจไทยเปิดหน้าซักฟอก “แพทองธาร” ปมคลิปฮุนเซน – เปิดสมัยประชุมล่ารายชื่อทันที
ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยประกาศแล้วว่า หลังเปิดสมัยประชุมวันที่ 3 ก.ค. จะเดินหน้ารวบรวมรายชื่อฝ่ายค้านเพื่อยื่น อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร โดยอ้างอิงถึง “คลิปสนทนา” ระหว่าง ฮุน เซน กับแพทองธาร
ภูมิใจไทยระบุชัด กระทบต่อเกียรติภูมิของชาติ และเป็นเรื่องใหญ่เกินจะปล่อยผ่าน
⸻
🎯 เมื่อเขาแตกกัน… ประชาชนได้อะไร?
การระงับงบประมาณ 4 หมื่นล้าน กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ล้วนเป็นการเดินเกมคนละหมากของสองขั้วอำนาจเดิมที่เคย “อยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน”
วันนี้ พวกเขาเปิดหน้าชนกันอย่างชัดเจน:
• พรรคหนึ่ง เดินเกมซักฟอกนายก
• อีกพรรค ตัดทอนนโยบายงบประมาณของอีกฝ่าย
และเมื่อการเมืองกลับมามี “กลไกถ่วงดุล” อย่างดุเดือด —
คำถามไม่ใช่แค่ว่า ใครแพ้–ใครชนะ
แต่คือ ประชาชนจะได้อะไรจากความแตกหักนี้?
แล้วถ้าท้ายที่สุดกลับมาสมประโยชน์กัน…ฉากที่เล่นจะเปลี่ยนบทไปมั้ย?