“รฟท.” ชำแหละ 3 แนวทางสู้คดี “ที่ดินเขากระโดง” ทวงสิทธิ์คืนให้รัฐ 995 แปลง
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าข้อพิพาทที่ดินเขากระโดงนั้นขณะนี้ศาลปกครองได้พิจารณาคำร้องของ รฟท. โดยรับพิจารณา 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกำหมายของของอธิบดีกรมที่ดินและคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย
ที่ผ่านมายังพบว่าในช่วงที่รฟท.ขอยื่นอุทธรณ์นั้น ศาลไม่รับพิจารณาคำขอให้เพิกถอนสิทธิ์ที่ดิน จำนวน 995 แปลง เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องเดิมที่ศาลเคยมีคำวินิจฉัย จนมีการออกประกาศตามมาตรา 61 ไปแล้ว
ที่ผ่านมา รฟท. ได้ยื่นอุทธรณ์ในเรื่องการเพิกถอนที่ดิน 995 แปลง ต่อศาลปกครองสูงสุด คาดว่าศาลฯจะรับพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งการยื่นอุทธรณ์นี้อาจใช้เวลานาน 5-6 เดือน และอาจเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
“หากศาลไม่เข้าใจเจตนาของ รฟท. ในการขอให้เพิกถอนที่ดินอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ รฟท. กำลังพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าจะถอนอุทธรณ์หรือไม่ แต่ต้องการความชัดเจนว่าศาลจะเข้าใจประเด็นการเพิกถอนตรงกัน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปในทิศทางที่ต้องการ” นายวีริศ กล่าว
นายวีริศ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางคู่ขนาน เพื่อแก้ปัญหาสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง ดังนี้ แนวทางที่ 1 การดำเนินการผ่านกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดิน
ปัจจุบัน รฟท. เตรียมส่งหนังสือขอทบทวนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินเพื่อยุติเรื่องนี้ ไปยังกระทรวงมหาดไทยอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งให้ข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมในคดีนี้
อย่างไรก็ดีกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะกลับมาทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง หากพบว่ามีการดำเนินการที่ผิดพลาดก่อนหน้านี้ กรมที่ดินอาจยินยอมที่จะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวด้วยตนเอง ซึ่งจะถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง
ขณะที่แนวทางที่ 2 รฟท. จะใช้โมเดลการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินบริเวณพังงา-ท่านุ่น เพื่อยื่นอุทธรณ์ฟ้องศาลปกครองสูงสุด
โดยรฟท. ต้องการให้ศาลปกครองเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของที่ดิน 995 แปลง ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งกรณีที่ดินพังงา-ท่านุ่น ศาลเคยมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของผู้บุกรุกหลายร้อยไร่ให้กลับมาเป็นของ รฟท. เมื่อปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในกรณีที่ดินพังงา-ท่านุ่น มีลักษณะคล้ายคลึงกับเขากระโดงที่มีเอกสารสิทธิ์หลากหลาย ทั้งโฉนดและ สทบ. และศาลได้สั่งยุบเอกสารสิทธิ์ทั้งหมด
ส่วนแนวทางที่ 3 เบื้องต้นรฟท.ขออัยการสูงสุดของศาลยุติธรรม ฟ้องคดีดังกล่าวแทน รฟท.เนื่องจากปัจจุบัน รฟท.มีข้อจำกัดด้านบุคลากรและทรัพยากรในการฟ้องร้องคดีจำนวนมาก โดยที่ผ่านมา รฟท. ได้ส่งหนังสือถึงอัยการสูงสุด ซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายแผ่นดิน ดำเนินการฟ้องร้องคดีบนที่ดิน 995 แปลง แทน รฟท.
นายวีริศ กล่าวต่อว่า หากอัยการสูงสุดตกลงดำเนินการ จะช่วยลดภาระของ รฟท. ได้อย่างมาก เนื่องจากคดีเหล่านี้อาจใช้เวลาหลายปีในการฟ้องร้อง
อย่างไรก็ตาม รฟท. ยังคงรอคำตอบจากอัยการสูงสุด ท้ายที่สุดหากไม่เป็นผล รฟท. อาจต้องพิจารณาฟ้องร้องเอง โดยจะจัดลำดับความสำคัญของที่ดินและทยอยฟ้องเป็นล็อตๆ ไป
“ปัญหาที่ดินเขากระโดงมีความซับซ้อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ทั้งชาวบ้าน กลุ่มนายทุน และหน่วยงานรัฐ แต่ รฟท. ยังคงยืนยันหลักการเดิมว่าที่ดินเขากระโดงเป็นของ รฟท. อย่างสมบูรณ์ เรายืนยันจะไม่ยอมเสียที่ดินเขากระโดง แม้แต่ตารางวาเดียวแน่นอน ซึ่งรฟท. อยู่ระหว่างดำเนินงการในทุกแนวทางที่เป็นไปได้” นายวีริศ กล่าว