“ทักษิณ” โอดนายกฯ ถูกพักงานเพราะเรื่องเฮงซวย วอนเลิกทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ
ช่วงค่ำวันที่ 17 ก.ค. 68 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดย นายทักษิณ กล่าวว่า ตนพูดมาหลายรอบมีเรื่องใหม่บ้างเก่าบ้าง และเรื่องเคยพูดสมัยเมื่อเป็นนายกฯ 20 ปีที่แล้ว วันนี้มันไม่ค่อยไปไหน หลายเรื่องมีถอยไปด้วยซ้ำ ตนก็งงว่าจากประเทศไปหลายปี กลับมาเจอหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่ละเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน หรือส่วนราชการ ที่มีคนเก่งๆ ประเทศไทยวันนี้เราต้องการความเชื่อมั่น ในหมู่คนไทยด้วยกัน
วันนี้บางทีคนไทยก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง และไม่พยายามที่จะร่วมพลังกัน ให้มีความเป็นหนึ่งเพื่อจะแก้ไขปัญหาด้วยกัน
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ตนก็แปลกใจ ผู้นำเขมร มันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมงงว่าทำไมวันนี้คนไทยไม่รักกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำที่ไหนในโลกเขาทำกัน แต่ว่าเรากลับอื้ม..
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพิ่งหลุดออกไปจากรัฐบาลนี้ ก็กลับมามองว่าเป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงเค้าเป็นเขมรหรือเป็นไทย ไม่แน่ใจ” นายทักษิณ กล่าว
ซึ่งหลังนายทักษิณ กล่าวประโยคนี้จบก็มีเสียงปรบมือในห้องประชุม
นายทักษิณกล่าวว่า อีกเรื่องที่เราสะดุด คือเรื่องภาษีทรัมป์ ที่เรากำลังเจรจาอยู่ ทีมไทยแลนด์กำลังเจรจาอยู่ โดยได้ยื่นข้อเสนอใหม่ ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็นั่งกำกับ ไม่ให้เราเสียเปรียบ ไม่ให้เราถูกเบียดเบียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเกษตร อย่างที่ตนเคยบอกว่ามี 3 ก้อน ก้อนหนึ่งคือเราเอาของเข้ามาจากจีน แล้วประกอบและส่งไป เป็นผลิตในประเทศไทย อีกสองคือส่งไปในอเมริกา โดยเทคโนโลยีและบริษัทอเมริกัน มาตั้งในประเทศไทย สองตัวนี้จะไม่กระทบอะไรกับเรามาก แต่ที่กระทบมากคือตัวที่เกี่ยวข้อง กับสินค้าที่เราส่งไป เช่น สินค้าเกษตร สินค้า SMEs หรือพวกอัญมณี ซึ่งเรากำลังแก้ไข และให้แนวทางกันว่า ถ้าเราจะนำเข้าสินค้าจากอเมริกา แล้วมาแข่งขัน กับสินค้าที่เรานำเข้าจากประเทศอื่น ก็เป็นเรื่องที่ดี เรายอมรับให้เข้ามาแข่งกันเอง เช่นเนื้อ ที่จะมีการแข่งขันกับออสเตรเลีย หรือมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์ ก็ไม่เป็นอะไร หลายอย่างที่เราเปิดได้เราก็เปิด สิ่งที่เราเปิดวันนี้เราก็คุยกัน น่าจะเป็นข้อเสนอ ที่นำไปสู่การตกลงใจกันได้ แต่ให้จำไว้ว่า คำว่าดีลไม่มีจบ ถ้ายังไม่พอใจก็ดีลกันต่อ นี่เป็นลักษณะการเจรจาธุรกิจ คำว่าประเทศ เขาใช้คำว่า Economic ก็คล้ายๆธุรกิจ ที่ต้องเจรจากันต่อเนื่องตลอดไป เพราะฉะนั้นเราหยุดตรงนี้ไม่ได้
ตอนหนึ่ง นายทักษิณ ยืนยันไม่คิดว่าจะเปลี่ยนรัฐบาล หรือเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และยังต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เหมือนได้แถมตนมาเป็นเสมียนของประเทศ คอยรวบรวมทุกปัญหาและ ประเด็นสำคัญต่างๆ ส่งให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างๆ ให้ช่วยไปกันดู
นายทักษิณ กล่าวด่วยว่า หลังจากที่ตนเดินทางกลับมาประเทศไทยว่า เพื่อนชาวสิงคโปร์เคยบอกว่า ในฐานะเพื่อน ดีใจที่ตนได้เดินทางกลับประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ชาวสิงคโปร์ก็ต้องปรับกลยุทธ์แข่งขันกับไทยใหม่ เพราะตนกลับมาแล้ว แต่มาวันนี้เขาเห็นคนไทยทะเลาะกันเอง และนายกรัฐมนตรีถูกพักงาน เพราะเรื่อง "เฮงซวย" เขาเลยบอกว่าวันนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะไทยคงแข่งกับสิงคโปร์ไม่ได้ สะท้อนว่า ประเทศไม่ควรขัดแย้งกันเพราะเรื่องไร้สาระ แต่ควรร่วมมือกันสร้างอนาคตช่วยการทำให้บ้านเมืองเรารุ่งเรืองขึ้นดีกว่า ซึ่งทางรองประธานสภาอุตสาหกรรม ก็สนับสนุนว่าเราควรสนับสนุน สินค้าที่ผลิตจากประเทศไทยดีกว่า เพราะคำว่า Made in Thailand ไม่ใช่ส่งเสริมเฉพาะข้าราชการแต่คนไทยต้องรักกัน สิ่งที่สำคัญในวันนี้คือเราต้องรักกัน แม้จะเห็นต่างทางการเมือง
นายทักษิณ ยังย้อนอดีตว่า สมัยเล่นการเมืองใหม่ ๆ ถึงจะด่ากันในสภา ก็ยังนั่งดื่มกาแฟ หรือดื่มไวน์ด้วยกัน แต่เมื่อการเมืองรุนแรง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน มองว่าการเมืองควรเป็นเกม ใครชนะก็บริหาร ใครแพ้ก็เป็นฝ่ายค้าน แต่ทุกวันนี้หลายฝ่ายไม่ยอมรับความจริง
นายทักษิณ กล่าวว่า สำหรับเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สิ่งที่เราคิดวันนี้ต้องลดค่าจราจร ซึ่งตนเป็นคนเสนอสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย ซึ่งปรากฏว่าคนยังใช้ไม่มาก เพราะไม่มีฟีดเดอร์ และวันนี้หากลดค่าบริการลงเหลือ 20 บาทตลอดสาย ทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้ และนำรถเมล์เปลี่ยนเป็นฟีดเดอร์ เราจึงจะประสบความสำเร็จที่สุด เพื่อให้ประชาชนใช้ระบบสาธารณะ และรถราต่างๆจะลดน้อยลง ขณะเดียวกันถนนใหญ่ๆต้องทำถนนชาร์จไฟแบบไร้สาย ซึ่งต่างประเทศเขาทำกัน เพื่อนำเงินส่วนนี้มาเป็นเงินอุดหนุนให้กับคนทั่วไปที่ใช้รถสาธารณะ ซึ่งจะเร่งให้เสร็จภายใน 2-3 เดือนนี้