‘ศพทหารเขมร’ บอกอะไร
วันนี้ว่ากันเรื่องศพทหาร…
เราได้ข่าวบ่อยๆ ว่า กองทัพอเมริกาตามหาอัฐิทหารสมัยสงครามเวียดนาม
มีบันทึกว่าทหารอเมริกาเสียชีวิตในสงครามเวียดนามถึง ๕๘,๒๒๐ นาย
ทหารชาวแคลิฟอร์เนียตายมากสุดถึง ๕,๕๗๕ นาย
อัฐิที่ต้องตามหาว่ากันว่ามีหลักพันราย
การค้นหานี้เป็นไปตามข้อตกลงปารีสปี ๒๕๑๖ แสดงให้เห็นถึงคำมั่นของเวียดนามในการปฏิบัติความตกลงกับอเมริกา และความเป็นมนุษย์
สงครามเวียดนามจบไปร่วม ๕๐ ปีแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังค้นหาและส่งมอบกันอยู่
การจัดการต่อศพของทหารในกองทัพที่เสียชีวิตในระหว่างการสู้รบเริ่มมีการดำเนินการและวิธีปฏิบัติอย่างเป็นระบบครั้งแรกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑
อ่านไม่ผิดครับมีมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๑ หรือเมื่อ ๑๐๗ ปีที่แล้ว!
หลังการสู้รบเสร็จสิ้นลง หน่วยแพทย์ทหารของกองทัพสหรัฐฯ ก็เริ่มทำงานทันที เพื่อแก้ปัญหาเรื่องสุขาภิบาลและการอนามัยภายในกองทัพ
มีการจัดระบบและวิธีการดำเนินการต่อศพทหารขึ้นมาใช้ในกองทัพ เพื่อรักษาขวัญกำลังใจของทหาร ทายาทของทหารผู้เสียชีวิตและประชาชนให้เกิดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล
ก่อนพัฒนาไปสู่หลักปฏิบัติที่สำคัญของหน่วยทหารเรียกว่า "การศพสนาม"
เริ่มตั้งแต่วิธีการพิสูจน์ทราบเพื่อระบุตัวตนของทหาร การบริหารจัดการศพ การฝังศพ การแจ้งข่าวให้ญาติทหารได้รับทราบ
และการนำร่างทหารนั้นกลับสู่ประเทศมาตุภูมิของตนเองเพื่อดำเนินการตามหลักศาสนาอย่างเหมาะสมและสมเกียรติ
เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะได้พัฒนามาเรื่อยๆ จนมีการนำไปปรับใช้กับแผนรองรับภัยพิบัติของฝ่ายพลเรือน
เป็นแนวทางที่ใช้กันทั่วโลก
ในภาวะยามศึกสงคราม กองทัพจะมีหน่วยเหล่าที่ดำเนินการเรื่องการศพสนามโดยตรง คือเหล่าทหาร
พลาธิการ
ข้อมูลของกองทัพ ทหารพลาธิการ มีหน้าที่ดำเนินการงานการทะเบียนศพ พิสูจน์ทราบ การดำเนินกรรมวิธีต่อศพทหารและนำศพทหาร ที่เสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่สงคราม กลับมายังพื้นที่แนวหลัง เพื่อให้ญาติของทหารที่เสียชีวิตได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนา
หน่วยเล็กที่สุดและอยู่หน้าแนวของพื้นที่การสู้รบมากที่สุด คือ หมวดการศพ กองทหารพลาธิการต่างๆ
พื้นที่จัดการศพสนาม จะถูกแบ่งออกเป็น ๓ พื้นที่ จากพื้นที่ด้านหน้าส่งต่อมายังพื้นที่ด้านหลัง คือ
๑.ตำบลรวบรวมและส่งกลับ เป็นพื้นที่ส่วนปฏิบัติการ แรกสุด หรือเรียกว่า ณ ตำบลรวบรวมศพ ศพที่ได้จากการค้นหา ตรวจพบ จะถูกนำมาส่งและรวบรวมในพื้นที่นี้เป็นพื้นที่แรก โดยจะทำหลักฐานและพิสูจน์ทราบเพียงเบื้องต้นเท่านั้น
๒.ตำบลรวบรวมพิสูจน์ทราบและส่งกลับ เป็นพื้นที่ส่วนปฏิบัติการที่อยู่ถัดลงมาจาก ตำบลรวบรวมและส่งกลับ ณ ตำบลรวบรวมศพ (หน้า) ศพจะถูกรวบรวมและส่งต่อมายังพื้นที่นี้ เพื่อทำการพิสูจน์ทราบเป็นรายบุคคลอย่างละเอียด
๓.สุสานชั่วคราว สุสานฝังศพทหาร งานการทะเบียนศพ เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับ การทำทะเบียนศพ เริ่มตั้งแต่การรับศพจากพื้นที่การสู้รบ นำมาพิสูจน์ทราบเพื่อระบุตัวบุคคลและเตรียมการส่งศพ กลับไปตำบลรวบรวมศพหรือสุสานชั่วคราว
มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคือ เจ้าหน้าที่ส่วนอำนวยการ นายทหารการทะเบียนศพ และเจ้าหน้าที่หมวดการศพ
การจัดการศพทหารมีระเบียบและขั้นตอนอยู่ไม่น้อยครับ
การดำเนินกรรมวิธีต่อศพทหารมีอยู่ ๒ ขั้นตอน
๑.การค้นหา ฟื้นฟูและส่งศพกลับ ศพและทรัพย์สิน จะถูกส่งกลับไปตามขั้นตอนจากตำบลรวบรวมและส่งกลับ ตามลำดับ รวมทั้งผู้ที่เสียชีวิตในสถานีปฐมพยาบาลหรือ เสียชีวิตลงระหว่างทางจะถูกส่งกลับมายังตำบลรวบรวมศพนี้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ดำเนินกรรมวิธีฟื้นฟูศพ จัดทำทะเบียนศพ พิสูจน์ทราบรายบุคคลและส่งศพกลับไปยังสุสานชั่วคราว หรือสุสานฝังศพทหารถาวร
๒.การพิสูจน์ทราบ เป็นกรรมวิธีที่กระทำโดยต่อเนื่อง ตั้งแต่ตำบลที่พบศพ ตำบลรวบรวมและส่งกลับ ตำบลรวบรวมพิสูจน์ทราบและส่งกลับตามลำดับ กระทำเรื่อยมาทุกขั้นตอนการส่งกลับ
ประเภทการพิสูจน์ทราบปกติแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
๑.ศพที่พิสูจน์ทราบได้ ได้แก่ ศพที่มีวัตถุประจักษ์พยาน ยืนยันชัดได้ว่าผู้ตายเป็นใคร
๒.ศพที่พิสูจน์ทราบไม่ได้ ได้แก่ ศพที่ไม่มีวัตถุประจักษ์พยานยืนยันให้เชื่อถือได้หรือมีแต่ก็ขัดกัน
การส่งกลับ
ศพและทรัพย์สินส่วนตัวจะถูกส่งกลับไปยังตำบลรวบรวมศพหรือสุสานของกองทัพ โดยปกติศพที่จะส่งกลับไปยังตำบลรวบรวมศพหรือสุสานไม่ควรนานเกิน ๒๔ ชั่วโมง
ศพต้องได้รับการห่อหุ้มและอาจฉีดยาป้องกันการแพร่เชื้อ และปกปิดยานพาหนะขณะมีการบรรทุกเคลื่อนย้าย, ศีรษะศพหันไปทางหน้ารถเสมอ ขั้นนี้เปลพยาบาลอาจไม่จำเป็น
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายไปในย่านชุมชนและหน่วยทหาร
เอกสาร หลักฐานต้องส่งไปกับศพมีผู้ควบคุมติดไปกับศพ และทรัพย์สินส่วนตัวและเอกสารขณะศพรอการส่งกลับ
ต้องจัดเวรยามอย่างน้อย ๒ คน เฝ้าอยู่ตลอดเวลา
ครับ…หาข้อมูลมาให้เขมรมันอ่าน เผื่อโซเชียลเขมร จะใช้กูเกิลทรานสเลตแปลไทยเป็นเขมรแล้วส่งไปให้ "อังเคิลวุ้นเส้น" ได้อ่าน
จะได้รู้ว่ามนุษย์ที่มีอารยธรรมนั้น เขาปฏิบัติต่อทหารที่พลีชีพในสงครามเช่นไร
ไม่มีข้อมูลครับว่าสงครามไหนที่ไม่มีการนำศพทหารกลับบ้าง
ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตายกันเป็นเบือแล้ว
รัสเซียส่งศพทหารยูเครน ๑,๒๑๒ นาย คืนให้ยูเครน
เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแลกเปลี่ยนเชลยศึกระหว่างประเทศที่ทำสงครามกัน
แรกๆ ยูเครนทำท่าจะไม่รับศพกลับ แต่สุดท้ายต้องรับ
แต่นั่นเป็นศพที่ทางรัสเซียจัดการให้อย่างดีแล้ว
ที่ทำเช่นนั้นได้เพราะมีการยึดพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ส่วนผู้นำเขมรเถื่อนมากครับ พวกนี้เหมือนคนป่ายุคหิน นิสัยโหดร้าย ไร้วัฒนธรรม
ทางไทยส่งศพจัดการให้เรียบร้อยแล้วไป ๑๘ ศพ
ส่วนที่เหลือไม่รู้กี่ร้อยกี่พันศพ เน่าอยู่ในพื้นที่สนามรบ ไม่มีใครเก็บ
ผู้นำเขมรไม่สั่งให้เก็บ เพราะถ้าเก็บก็รู้จำนวนศพ
ทหารเขมรในพื้นที่ไม่กล้าเก็บเพราะกลัวเหยียบทุ่นระเบิดที่ตัวเองวางไว้
ปล่อยให้เหม็นเน่าคละคลุ้งไปหมด
นี่ถ้าเขมรเจอภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ประชาชนเสียชีวิตหลักพันหลักหมื่น รัฐง่อยรับประทานเลยครับ รับมือไม่ได้
ไม่มีประสบการณ์ด้านการตรวจอัตลักษณ์ ไม่มีเครื่องมือ ไม่รู้ศพใครเป็นศพใคร เดือดร้อนไทยต้องไปช่วยอีก
ก็หวังว่าหากเขมรต้องเจอแบบนั้นจริง คงไม่ถึงขั้นขุดหลุมขนาดใหญ่แล้วฝังกลบทีเดียวนะครับ "อังเคิลวุ้นเส้น" .