DRT รายได้ขายสินค้าวูบ กดกำไร Q2 หด 35% เหลือ 96 ล้านบาท
บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 และงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีกำไรสุทธิลดลง ดังนี้
บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 96.57 ล้านบาท ลดลง 35.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 150.21 ล้านบาท โดยจาเหตุมาจากกลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 1,217.9 ล้านบาท ลดลง 149 ล้านบาท หรือ 10.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,366.9 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1. การปรับลดราคาขายอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค 2. ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าบางกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ
3.การปรับตัวลดลงของยอดขาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ และกระเบื้องคอนกรีต และ 4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าที่ลดการสต็อกสินค้าลง
อย่างไรก็ตามรายได้จากการขายสินค้าภายนอกประเทศในไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 237.20 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.30 ล้านบาท หรือ 5% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1. การบริหารจัดการด้านการส่งออกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 2. ความต้องการผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไม้สังเคราะห์และบอร์ดและสินค้ากลุ่ม OEM ในตลาดต่างประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศพม่าและลาว
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายในไตรมาส 2 ปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขาย 36.40 ล้านบาท ลดลง 1.30 ล้านบาท หรือ 3.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงของยอดขาย อย่างไรก็ตามอัตราการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายต่ำกว่าอัตราการลดลงของยอดขาย เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ ยังคงดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของแบรนด์และเตรียมรับการฟื้นตัวของตลาดในอนาคต
ส่วนผลงานงวด 6 เดือนแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 202.68 ล้านบาท ลดลง 42.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 353.90 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก กลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 2,577.40 ล้านบาท ลดลง 275.10 ล้านบาท หรือ 9.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1. การปรับลดราคาขายอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค 2. ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าบางกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ 3. การปรับตัวลดลงของยอดขาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา กระเบื้องหลังคาคอนกรีต และ 4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าที่ลดการสต็อกสินค้าลง
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารDRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคาไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บริการติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคา พื้น บันได และผนังพร้อมบริการติดตั้ง SPC Solutions แบบครบวงจร ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นขยายตลาดส่งออกและทำการตลาดเชิงรุกภายในประเทศ เพื่อขยายตลาดใหม่และขยายฐานลูกค้าสู่จังหวัดเมืองรอง
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างยังคงชะลอตัว อัตราหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้น จึงทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,223.81 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 96.56 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม - มิถุนายน) บริษัทฯ ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ที่เป็นนวัตกรรมพร้อมบริการในรูปแบบโซลูชัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารและที่อยู่อาศัย ส่งผลให้สามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยอยู่ที่ 80% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,585.20 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 202.68 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งภายในประเทศครึ่งปีหลัง มีความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่คาดว่ายังคงชะลอตัวหรือฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงความไม่สงบ แนวชายแดน บริษัทฯ จึงวางแผนเชิงรุกมุ่งเพิ่มยอดขายจากการส่งออกสินค้าในภูมิภาคอาเซียนที่เป็นตลาดหลักอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฟิลิปปินส์, เมียนมา, เวียดนาม, สปป.ลาว ฯลฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเศรษฐกิจกำลังเติบโต โดยมีแผนนำเสนอสินค้ากลุ่มอิฐมวลเบาและแผ่นพื้น SPC เพื่อเพิ่มยอดขาย
ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งรักษาจุดเด่นในการเป็นหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและอัตราหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ที่อยู่ในระดับต่ำ 0.77 เท่า จึงเตรียมเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้น