จับตา ! 3 สำนัก กทม. งบผ่านฉลุยกว่า "2 พันล้าน" แต่ข้อสังเกตเพียบ
วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ของกรุงเทพมหานคร ได้มีบทสรุปการพิจารณางบประมาณของ 3 หน่วยงานสำคัญ โดยมี นายปวิน แพทยานนท์ ส.ก.เขตบางคอแหลม พรรคเพื่อไทย เป็นประธานอนุกรรมการฯ แม้จะเห็นชอบให้ผ่านงบประมาณรวมกว่า 2,033 ล้านบาท แต่ได้แนบข้อสังเกต 8 ข้อสำคัญ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุดและป้องกันปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างที่อาจไม่โปร่งใส ที่ประชุมได้สรุปผลการพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ของ 3 หน่วยงาน โดยเห็นชอบให้ผ่านทุกรายการ ดังนี้
1. สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล งบประมาณ 62,834,100 บาท
2. สำนักดิจิทัลกรุงเทพมหานคร งบประมาณ 1,111,838,970 บาท
3.สำนักพัฒนาสังคม งบประมาณ 858,986,930 บาท
รวมงบประมาณทั้งสิ้น 2,033,660,000 บาท อย่างไรก็ตาม การพิจารณางบประมาณของสำนักดิจิทัลฯ ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนายเอกกวิน โชคประสพรวย ส.ก.เขตราชเทวี พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้มีความประสงค์ขอเอกสารเพิ่มเติมจำนวน 15 โครงการ เพื่อประกอบการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการวิสามัญฯ ต่อไป
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานและการใช้จ่ายงบประมาณไว้ 8 ประการ ซึ่งจะถูกรวบรวมเสนอต่อคณะกรรมการวิสามัญฯ ชุดใหญ่ โดยมีประเด็นสำคัญครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างไปจนถึงความคุ้มค่าของโครงการ
ประเด็นแรกที่ถูกเน้นย้ำคือ ความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อครุภัณฑ์ โดยใบเสนอราคาทั้ง 3 ราย จะต้องมีรายละเอียดสเปกที่ตรงกัน บริษัทที่ยื่นเสนอราคาต้องจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และที่ตั้งบริษัทต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นราคาที่สืบจากท้องตลาดอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังพบว่า รายการครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการมีราคาสูงกว่าท้องตลาด เช่น เครื่องสำรองไฟฟ้าและเครื่องพิมพ์ความเร็วสูงในโครงการปรับปรุงระบบทะเบียนราษฎรและบัตรประชาชน คณะอนุกรรมการฯ จึงเสนอว่าไม่ควรพิจารณาจากราคาต่ำสุดเพียงอย่างเดียว แต่ให้คำนึงถึงคุณภาพและความคุ้มค่าเป็นหลัก
ในด้านความคุ้มค่าของโครงการ ได้มีการตั้งคำถามถึง โครงการจ้างที่ปรึกษาประจำสำนักดิจิทัลฯ โดยเห็นว่าไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่า ควรเปลี่ยนเป็นการจัดสัมมนาฝึกอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรภายใน ซึ่งจะสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนกว่า รวมถึงตั้งข้อสังเกตโครงการจัดทำแผนพัฒนากรุงเทพฯ ระยะที่ 4 ที่ระบุจำนวนผู้เข้าสัมมนาไม่เท่ากันทั้งสองครั้ง และเสนอแนะให้ การจัดซื้อโทรทัศน์ Smart TV สำหรับศูนย์ฝึกอาชีพ ต้องพิจารณาขนาดให้เหมาะสมกับห้องเรียนจริง ไม่ใช่จัดซื้อขนาดเดียวกันทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะเชิงเทคนิคให้โครงการจัดหาระบบจัดการประสิทธิภาพเครือข่ายสื่อสาร ควรติดตั้งให้ครอบคลุมทุกสำนักของ กทม. เพื่อความปลอดภัยของทุกหน่วยงาน และสุดท้าย คณะอนุกรรมการฯ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดโครงการที่ดำเนินการล่าช้าให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนเกิดประโยชน์สูงสุด โดยข้อสังเกตทั้งหมดนี้จะถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ กทม. ปี 2569 เพื่อพิจารณาในขั้นตอนต่อไป