โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘พรบ.การท่าเรือฯ’สยายปีกการบริหาร ลดขีดจำกัดจัดการสินทรัพย์และธุรกิจ

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 01 ก.ย เวลา 03.59 น. • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับใหม่)ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น เห็นด้วย 377 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 4 เสียง จากจำนวนผู้ลงมติทั้งหมด 382 คน นับเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปโครงสร้างของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นกฎหมายเชิงโครงสร้างที่จะช่วยเสริมความคล่องตัวและศักยภาพของ กทท. ให้ทันต่อบริบทการแข่งขันด้านโลจิสติกส์โลก และตอบสนองความต้องการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างคุ้มค่าสูงสุด โดยมุ่งเน้นยกระดับท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเปิดทางให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนอย่างโปร่งใสและ คืนประโยชน์สู่ประชาชนโดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้ ได้ปลดล็อกข้อจำกัดเดิมหลายประการ ทำให้ กทท.มีเครื่องมือในการบริหารจัดการที่ทันสมัยและยืดหยุ่นมากขึ้น

กฎหมายใหม่ปลดข้อจำกัดทางธุรกิจ

นางมนพร กล่าวอีกว่า การจัดตั้งบริษัท: กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดได้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องและต่อยอดทรัพยากรขององค์กรได้อย่างคล่องตัว

การร่วมลงทุน: เปิดทางให้ กทท. สามารถลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น รวมถึงการถือหุ้น เพื่อสร้างรายได้ที่หลากหลายและเชื่อมโยงความร่วมมือเชิงพาณิชย์กับภาคเอกชนได้อย่างโปร่งใส

เครื่องมือทางการเงิน: สามารถออกพันธบัตรและตราสารทางการเงินอื่น ๆ เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการพัฒนาต่าง ๆ ได้โดยตรง

การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์: สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มศักยภาพและคุ้มค่า

“กฎหมายฉบับใหม่นี้ทำให้เราสามารถลงทุนได้เร็วขึ้นและตรงจุดมากขึ้น เพราะมีเครื่องมือทางการเงินและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ช่วยให้โครงการจำเป็นเดินหน้าได้โดยไม่ล่าช้า ลดปัญหาคอขวดโลจิสติกส์ และยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งผู้ประกอบการไทยและนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะช่วยยกระดับศูนย์กลางเศรษฐกิจรอบท่าเรือ สร้างการจ้างงาน และพัฒนาพื้นที่สาธารณะควบคู่ไปกับพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างแท้จริง"

ลุ้นต่อชั้นกมธ.วุฒิสภาพิจารณา60วัน

ทั้งนี้ หลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 3 แล้ว ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของวุฒิสภา โดยจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ นายกรัฐมนตรีจะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ข้อมูลจาก ASEAN Maritime Outlookเผยแพร่โดยสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ระบุว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือจุดเชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าด้วยกัน ทำให้น่านน้ำของภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ทางทะเลที่มียุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในโลก ทั้งในด้านการค้าโลก ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล

นอกจากนี้ ภูมิภาคอาเซียนยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการค้าระหว่างภูมิภาค การแลกเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรม รวมถึงการเคลื่อนย้ายของผู้คนระหว่างตะวันออกและตะวันตกมาหลายศตวรรษ

เปิดศักยภาพทางทะเลไทย-อาเซียน

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้เป็นเพียงจุดเปลี่ยนผ่านสำหรับการค้าระหว่างทวีป แต่ปัจจุบันเป็นผู้เล่นสำคัญในเศรษฐกิจโลก อาเซียนเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และกำลังมุ่งหน้าสู่อันดับที่ 4 ภายในปี 2573

ประเทศสมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ติดอันดับ 30 ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก ในแง่ยุทธศาสตร์ เส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญของภูมิภาค เช่น มะละกา สิงคโปร์ และช่องแคบลอมบอก รวมถึงทะเลจีนใต้ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ในห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงทางพลังงาน และการเชื่อมโยงของโลก ในด้านความมั่นคงทางอาหาร อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม ติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศผู้ผลิตปลารายใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้น อาณาเขตทางทะเลจึงเป็นมากกว่าเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเชิงยุทธศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของอาเซียน

ดังนั้นไทยในฐานผู้เล่นรายหนึ่งของการค้าทางทะเลต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อ21 ม.ค. 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

เพิ่มอำนาจรมต.ผู้รักษากฎหมาย

สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย เพิ่มเติมวัตถุประสงค์และอำนาจการดำเนินกิจการของกทท.พร้อมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจของคณะกรรมการ กทท. ให้มีความเหมาะสม

ทั้งนี้ พ.ร.บ. การท่าเรือแห่งประเทศไทยฉบับใหม่นั้น กทท. สามารถดำเนินการกิจการต่าง ๆ ภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์ของ กทท. ได้ ที่สำคัญให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประกอบธุรกิจกับหรือเกี่ยวเนื่องในกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาท่าเรือในประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ

เล็งตั้งบริษัทบริหารคลองเตย-แหลมฉบัง

ดังนั้น จึงมีแนวทางที่จะให้ กทท. จัดจั้งบริษัทย่อย เพื่อต้องการให้มีการบริหารจัดการแบบเจาะจง โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีศักยภาพระดับสากล โดยการพัฒนาท่าเรือทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าว จะทำมาซึ่งการเติบโตของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) รวมถึงสร้างโอกาสให้กับประชาชนได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย

นอกจากนี้ พ.ร.บ.การท่าเรือฯ ฉบับใหม่ ยังเพิ่มเติมให้ กทท. สามารถลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ด้วยเช่นกัน พร้อมกันนี้ กทท. สามารถทำนิติกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง มีทรัพยสิทธิ หรือเป็นการก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์ได้

อีกทั้งกำหนดให้ กทท. มีเฉพาะอำนาจเรียกเก็บค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ และค่าภาระต่าง ๆ ภายในอาณาบริเวณ ขณะเดียวกันได้กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยเกี่ยวกับการใช้ท่าเรือ การให้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ รวมทั้ง การจัดการเกี่ยวกับการสาธารณสุขและคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาณาบริเวณ

งานใหม่ผลิตภัณฑ์การเงิน-พัฒนาอสังหาฯ

นอกจากนี้ กทท. สามารถออกพันธบัตรหรือตราสารเพื่อใช้ในการดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการของ กทท. ได้ และ สามารถเช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. ตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปด้วย เนื่องจากปัจจุบันกรอบยุทธศาสตร์ของการท่าเรือฯ มีการกำหนด กลยุทธ์ในการจัดทำโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย หรือ Smart Community ที่ต้องมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของการท่าเรือฯ จึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนนี้ โดย กทท. กำลังจัดทำแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นแผนแม่บทสำหรับการดำเนินการในอนาคต ส่วนนโยบายพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ขณะนี้ภายใต้แผนแม่บทยังไม่ได้กำหนดกิจกรรมในการพัฒนา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...