‘พรบ.การท่าเรือฯ’สยายปีกการบริหาร ลดขีดจำกัดจัดการสินทรัพย์และธุรกิจ
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับใหม่)ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น เห็นด้วย 377 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 4 เสียง จากจำนวนผู้ลงมติทั้งหมด 382 คน นับเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปโครงสร้างของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นกฎหมายเชิงโครงสร้างที่จะช่วยเสริมความคล่องตัวและศักยภาพของ กทท. ให้ทันต่อบริบทการแข่งขันด้านโลจิสติกส์โลก และตอบสนองความต้องการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างคุ้มค่าสูงสุด โดยมุ่งเน้นยกระดับท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเปิดทางให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนอย่างโปร่งใสและ คืนประโยชน์สู่ประชาชนโดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้ ได้ปลดล็อกข้อจำกัดเดิมหลายประการ ทำให้ กทท.มีเครื่องมือในการบริหารจัดการที่ทันสมัยและยืดหยุ่นมากขึ้น
กฎหมายใหม่ปลดข้อจำกัดทางธุรกิจ
นางมนพร กล่าวอีกว่า การจัดตั้งบริษัท: กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดได้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องและต่อยอดทรัพยากรขององค์กรได้อย่างคล่องตัว
การร่วมลงทุน: เปิดทางให้ กทท. สามารถลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น รวมถึงการถือหุ้น เพื่อสร้างรายได้ที่หลากหลายและเชื่อมโยงความร่วมมือเชิงพาณิชย์กับภาคเอกชนได้อย่างโปร่งใส
เครื่องมือทางการเงิน: สามารถออกพันธบัตรและตราสารทางการเงินอื่น ๆ เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการพัฒนาต่าง ๆ ได้โดยตรง
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์: สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มศักยภาพและคุ้มค่า
“กฎหมายฉบับใหม่นี้ทำให้เราสามารถลงทุนได้เร็วขึ้นและตรงจุดมากขึ้น เพราะมีเครื่องมือทางการเงินและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ช่วยให้โครงการจำเป็นเดินหน้าได้โดยไม่ล่าช้า ลดปัญหาคอขวดโลจิสติกส์ และยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งผู้ประกอบการไทยและนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะช่วยยกระดับศูนย์กลางเศรษฐกิจรอบท่าเรือ สร้างการจ้างงาน และพัฒนาพื้นที่สาธารณะควบคู่ไปกับพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างแท้จริง"
ลุ้นต่อชั้นกมธ.วุฒิสภาพิจารณา60วัน
ทั้งนี้ หลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 3 แล้ว ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของวุฒิสภา โดยจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ นายกรัฐมนตรีจะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ข้อมูลจาก ASEAN Maritime Outlookเผยแพร่โดยสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ระบุว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือจุดเชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าด้วยกัน ทำให้น่านน้ำของภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ทางทะเลที่มียุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในโลก ทั้งในด้านการค้าโลก ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล
นอกจากนี้ ภูมิภาคอาเซียนยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการค้าระหว่างภูมิภาค การแลกเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรม รวมถึงการเคลื่อนย้ายของผู้คนระหว่างตะวันออกและตะวันตกมาหลายศตวรรษ
เปิดศักยภาพทางทะเลไทย-อาเซียน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้เป็นเพียงจุดเปลี่ยนผ่านสำหรับการค้าระหว่างทวีป แต่ปัจจุบันเป็นผู้เล่นสำคัญในเศรษฐกิจโลก อาเซียนเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และกำลังมุ่งหน้าสู่อันดับที่ 4 ภายในปี 2573
ประเทศสมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ติดอันดับ 30 ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก ในแง่ยุทธศาสตร์ เส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญของภูมิภาค เช่น มะละกา สิงคโปร์ และช่องแคบลอมบอก รวมถึงทะเลจีนใต้ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ในห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงทางพลังงาน และการเชื่อมโยงของโลก ในด้านความมั่นคงทางอาหาร อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม ติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศผู้ผลิตปลารายใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้น อาณาเขตทางทะเลจึงเป็นมากกว่าเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเชิงยุทธศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของอาเซียน
ดังนั้นไทยในฐานผู้เล่นรายหนึ่งของการค้าทางทะเลต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อ21 ม.ค. 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
เพิ่มอำนาจรมต.ผู้รักษากฎหมาย
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย เพิ่มเติมวัตถุประสงค์และอำนาจการดำเนินกิจการของกทท.พร้อมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจของคณะกรรมการ กทท. ให้มีความเหมาะสม
ทั้งนี้ พ.ร.บ. การท่าเรือแห่งประเทศไทยฉบับใหม่นั้น กทท. สามารถดำเนินการกิจการต่าง ๆ ภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์ของ กทท. ได้ ที่สำคัญให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประกอบธุรกิจกับหรือเกี่ยวเนื่องในกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาท่าเรือในประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ
เล็งตั้งบริษัทบริหารคลองเตย-แหลมฉบัง
ดังนั้น จึงมีแนวทางที่จะให้ กทท. จัดจั้งบริษัทย่อย เพื่อต้องการให้มีการบริหารจัดการแบบเจาะจง โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีศักยภาพระดับสากล โดยการพัฒนาท่าเรือทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าว จะทำมาซึ่งการเติบโตของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) รวมถึงสร้างโอกาสให้กับประชาชนได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย
นอกจากนี้ พ.ร.บ.การท่าเรือฯ ฉบับใหม่ ยังเพิ่มเติมให้ กทท. สามารถลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ด้วยเช่นกัน พร้อมกันนี้ กทท. สามารถทำนิติกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง มีทรัพยสิทธิ หรือเป็นการก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์ได้
อีกทั้งกำหนดให้ กทท. มีเฉพาะอำนาจเรียกเก็บค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ และค่าภาระต่าง ๆ ภายในอาณาบริเวณ ขณะเดียวกันได้กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยเกี่ยวกับการใช้ท่าเรือ การให้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ รวมทั้ง การจัดการเกี่ยวกับการสาธารณสุขและคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาณาบริเวณ
งานใหม่ผลิตภัณฑ์การเงิน-พัฒนาอสังหาฯ
นอกจากนี้ กทท. สามารถออกพันธบัตรหรือตราสารเพื่อใช้ในการดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการของ กทท. ได้ และ สามารถเช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. ตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปด้วย เนื่องจากปัจจุบันกรอบยุทธศาสตร์ของการท่าเรือฯ มีการกำหนด กลยุทธ์ในการจัดทำโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย หรือ Smart Community ที่ต้องมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของการท่าเรือฯ จึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนนี้ โดย กทท. กำลังจัดทำแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นแผนแม่บทสำหรับการดำเนินการในอนาคต ส่วนนโยบายพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ขณะนี้ภายใต้แผนแม่บทยังไม่ได้กำหนดกิจกรรมในการพัฒนา