โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“ทรัมป์” สู้ 3 ศาลปมกำแพงภาษีผิดกฎหมาย

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์สู้ถึงศาลสูงสุด หลังศาลอุทธรณ์พิพากษามาตรการภาษีที่เรียกเก็บจากหลายประเทศไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า เขาจะต่อสู้จนถึงศาลสูงสุด หลังศาลอุทธรณ์กลางพิพากษากรณีมาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ที่เรียกเก็บจากประเทศต่าง ๆ ผิดกฎหมาย โดยเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของประธานาธิบดี

ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า หากปล่อยให้คำพิพากษาดังกล่าวคงอยู่ การตัดสินใจครั้งนี้จะทำลายสหรัฐฯ อย่างแท้จริง พร้อมกับยืนยันว่าการจัดเก็บภาษียังคงมีผลบังคับใช้อยู่

ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ มีคำพิพากษา 7 ต่อ 4 เสียง ยืนตามคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งชี้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉินโดยมิชอบเพื่อเรียกเก็บภาษีจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ก่อนศาลมีคำตัดสิน คาดกันว่า มาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าประมาณร้อยละ 69 ตามข้อมูลของ Tax Foundation แต่หากมาตรการภาษีดังกล่าวหยุดชะงัก จะส่งผลกระทบต่อสินค้าเพียงร้อยละ 16

คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวาระหลักด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมาตั้งแต่เดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ระบุด้วยว่า ภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากประเทศต่าง ๆ ซึ่งบางประเทศเผชิญอัตราภาษีสูงถึงร้อยละ 50 จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม เพื่อให้รัฐบาลมีเวลาอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด

ทั้งนี้ หากประธานาธิบดีทรัมป์พ่ายแพ้ในการสู้ชั้นฎีกา ก็ยังมีทางเลือกอื่นในการใช้กฎหมายจัดเก็บภาษีนำเข้า แต่จะจำกัดความรุนแรงและความรวดเร็ว ศาลการค้าระบุก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรเพื่อแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าภายใต้กฎหมายการค้า ปี 2517 แต่กฎหมายดังกล่าวจำกัดอัตราภาษีศุลกากรไว้ที่ร้อยละ 15 และใช้ได้เพียง 150 วัน สำหรับประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ ในระดับที่สูง และสามารถใช้มาตรา 232 ของกฎหมายขยายการค้า (Trade Expansion Act) ปี 2505 ที่ครอบคลุมการนำเข้าสินค้าที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งสหรัฐฯ ประกาศใช้กับสินค้าบางประเภท อาทิ เหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...