โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

วิธีทำ "เนื้อดรายเอดจ์" ด้วยตนเอง เปลี่ยนเนื้อธรรมดาให้เป็นสเต็กชั้นเลิศ

sanook.com

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • Sanook
วิธีทำเนื้อดรายเอดจ์ ได้ด้วยตัวเองที่บ้านโดยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนทั่วไป

เนื้อดรายเอดจ์ (Dry-aged) หรือเนื้อที่ผ่านกระบวนการบ่มแห้ง เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักชิมเนื้อทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดแห่งความอร่อย เพราะมีรสชาติที่เข้มข้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายถั่วหรือชีส และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้นราวกับละลายในปาก กระบวนการนี้มักจะทำในตู้แช่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นแบบพิเศษ ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณสามารถ ทำเนื้อดรายเอดจ์ ได้ด้วยตัวเองที่บ้านโดยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนทั่วไป เพียงแค่เข้าใจหลักการและใส่ใจในรายละเอียด

1. ทำไมต้องดรายเอดจ์: เข้าใจหลักการเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ

การบ่มแห้งเนื้อไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ แต่เป็นศาสตร์การถนอมอาหารที่มีมานานกว่าศตวรรษ หลักการของมันอาศัยกระบวนการทางธรรมชาติสองอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกัน

  • การระเหยของความชื้น (Moisture Evaporation): เมื่อเนื้อสัมผัสกับอากาศเย็นและแห้ง ความชื้นส่วนเกินจะระเหยออกจากผิวเนื้อ ทำให้สัดส่วนของเนื้อต่อไขมันเพิ่มขึ้น และรสชาติของเนื้อจะเข้มข้นขึ้นอย่างน่าทึ่ง
  • การทำงานของเอนไซม์ (Enzyme Breakdown): ภายในเนื้อตามธรรมชาติจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า "โปรตีเอส" (Protease) ซึ่งเมื่อเอนไซม์เหล่านี้ทำงานอย่างช้า ๆ ในอุณหภูมิที่เหมาะสม พวกมันจะทำหน้าที่ย่อยสลายเส้นใยและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้เนื้อที่เคยเหนียวมีความนุ่มขึ้นอย่างมาก

ผลลัพธ์ที่ได้จากการ ทำเนื้อดรายเอดจ์ คือ เนื้อที่มีรสชาติล้ำลึกและเนื้อสัมผัสที่นุ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยที่ไม่มีการใช้สารเคมีหรือสารปรุงแต่งใด ๆ

2. อุปกรณ์และขั้นตอนทำเนื้อดรายเอดจ์ด้วยตัวเอง

การทำเนื้อดรายเอดจ์ที่บ้านไม่จำเป็นต้องมีตู้แช่ราคาแพง เพียงแค่ใช้ตู้เย็นธรรมดาที่สะอาดและมีพื้นที่ว่างก็เพียงพอแล้ว

  • การเตรียมอุปกรณ์สำคัญ

  • ตู้เย็น: ควรเป็นตู้เย็นที่มีพื้นที่ว่างสำหรับวางชิ้นเนื้อและมีการหมุนเวียนอากาศที่ดี หากเป็นไปได้ควรเป็นช่องแช่เย็นที่ไม่ค่อยได้เปิด-ปิดบ่อย ๆ

    • ตะแกรง: ใช้ตะแกรงสำหรับพักอาหารหรือตะแกรงที่อยู่ในเตาอบ เพื่อยกชิ้นเนื้อให้ลอยขึ้นจากถาด ทำให้ลมสามารถพัดผ่านเนื้อได้ทั่วถึง
    • ภาชนะรอง: ใช้ถาดหรือภาชนะสำหรับรองน้ำหยดจากเนื้อ และช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
    • พัดลมขนาดเล็ก (ตัวเลือกเสริม): หากต้องการให้เนื้อแห้งเร็วขึ้นและช่วยให้มีการหมุนเวียนอากาศสม่ำเสมอ สามารถใช้พัดลมขนาดเล็ก เช่น พัดลมคอมพิวเตอร์แบบ USB มาช่วยเป่าในตู้เย็นได้
  • ขั้นตอนการดรายเอดจ์อย่างละเอียด

  • ขั้นตอนที่ 1: เลือกเนื้อ: เลือกเนื้อส่วนที่มีไขมันดีและมีขนาดใหญ่พอสมควร เช่น เนื้อสันนอกติดมัน (Strip Loin) หรือ เนื้อส่วนซี่โครง (Ribeye) ควรเลือกเนื้อที่มีชั้นไขมันหุ้ม (Fat Cap) เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อด้านในแห้งจนเกินไป

    • ขั้นตอนที่ 2: การเตรียมเนื้อ: ไม่ต้องล้างเนื้อ แค่ใช้กระดาษอเนกประสงค์ซับเลือดและน้ำส่วนเกินออกให้หมด หากเนื้อมีพังผืดที่แข็งเกินไปสามารถเลาะออกได้เล็กน้อย
    • ขั้นตอนที่ 3: การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม: นำตะแกรงวางลงบนถาดรอง จากนั้นวางชิ้นเนื้อที่เตรียมไว้ลงบนตะแกรง แล้วนำทั้งหมดไปไว้ในตู้เย็น ควรจัดให้มีพื้นที่ว่างรอบ ๆ เนื้อ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก หากมีพัดลมก็เปิดให้เป่าเนื้อตลอดเวลา
    • ขั้นตอนที่ 4: การบ่มและเฝ้าระวัง: ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการบ่มเนื้อดรายเอดจ์จะอยู่ที่ 21-45 วัน ขึ้นอยู่กับความต้องการในเรื่องความนุ่มและรสชาติที่เข้มข้น โดยในช่วง 7 วันแรก ผิวหน้าของเนื้อจะเริ่มแข็งตัวและเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเนื้อมีกลิ่นเหม็นเน่าหรือเกิดราสีเขียว-ฟ้า นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องทิ้งเนื้อทันที

3. ข้อควรระวังและเคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อความสำเร็จ

การทำเนื้อดรายเอดจ์ด้วยตัวเองมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของอาหาร ดังนั้นจึงต้องใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก

  • ความสะอาดของตู้เย็น: ตู้เย็นที่ใช้ต้องสะอาดและไม่มีอาหารอื่น ๆ ที่มีกลิ่นแรงอยู่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของกลิ่นและแบคทีเรีย
  • อุณหภูมิที่เหมาะสม: ควรรักษาอุณหภูมิในตู้เย็นให้อยู่ในช่วง 1-3°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ต่ำพอจะยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อันตราย แต่สูงพอที่จะให้เอนไซม์ทำงานได้
  • การตัดแต่งก่อนปรุง: เมื่อบ่มเนื้อได้ตามระยะเวลาที่ต้องการแล้ว ผิวหน้าและชั้นไขมันที่แข็งและแห้งจะหนาขึ้น ต้องตัดส่วนที่แห้งนี้ออกทั้งหมดก่อนนำไปปรุงอาหาร ซึ่งอาจทำให้เนื้อมีน้ำหนักลดลงไปประมาณ 20-30% แต่เนื้อส่วนที่เหลือจะเป็นเนื้อชั้นเลิศที่ผ่านการบ่มมาอย่างสมบูรณ์แบบ
  • การปรุงอาหาร: เนื้อดรายเอดจ์เหมาะกับการทำสเต็กเป็นอย่างยิ่ง โดยควรปรุงด้วยวิธีที่เรียกว่า "Reverse Sear" คือการนำไปอบในอุณหภูมิต่ำจนสุกตามระดับที่ต้องการ จากนั้นนำไปจี่ในกระทะร้อน ๆ เพื่อสร้างผิวเกรียมและกรอบนอกนุ่มใน

การ ทำเนื้อดรายเอดจ์ ด้วยตนเองที่บ้านอาจดูเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนและความใส่ใจ แต่รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะคุ้มค่ากับความพยายามอย่างแน่นอน คุณจะได้สัมผัสกับรสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อระดับพรีเมียมที่หาไม่ได้จากที่ไหน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...