โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เลือกนายกฯ หรือเลือกภาพลักษณ์ ‘พรรคประชาชน’ กับบทพระเอกเกินงาม

ไทยโพสต์

อัพเดต 2 กันยายน 2568 เวลา 22.00 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในวันที่ประเทศรอคำตอบ พรรคประชาชน กลับสวมบทพระเอกเกินงาม ใช้เสียง 143 เสียง จัดฉากถามโพล วาดภาพการมีส่วนร่วมจนเกินจำเป็น ผลลัพธ์ไม่ใช่ความชัดเจน หากเป็นภาพซ้ำที่ชวนให้เอือมระอา ทิ้งทั้งประเทศให้ค้างอยู่กลางเวที

การเมืองไทยไม่เคยขาดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสังคมต้อง หยุดหายใจชั่วขณะเหมือนทุกอย่างกำลังเดินอยู่บน เส้นเชือกที่ขึงตึง การตัดสินใจเพียงครั้งเดียวสามารถกำหนด ชะตาของประเทศ เมื่อ เก้าอี้นายกรัฐมนตรีว่างลง ความคาดหวังทั้งหมดจึงหันไปที่การเลือกผู้นำคนใหม่ผู้ซึ่งจะต้องรับไม้ต่อในห้วงเวลาแห่ง ความไม่แน่นอนที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี

แต่แทนที่ความชัดเจนจะปรากฏ สมการการเมืองกลับยิ่งพร่าเลือน สังคมมองเห็นชื่อจากพรรคใหญ่ อย่าง เพื่อไทย และ ภูมิใจไทย แต่คำตอบสุดท้ายกลับยังไม่มา เพราะทุกอย่างถูกแขวนไว้กับ พรรคประชาชน ผู้ถือกุญแจ 143 เสียง ในมือ ทว่าเลือกจะยังไม่ไขประตูบานใดเลย

ยิ่งเวลายืดเยื้อออกไป ภาพลักษณ์ของพรรคนี้ยิ่งเด่นชัดว่าไม่ใช่การเมืองที่ กล้าเสี่ยง แต่คือการเมืองที่สวม บทพระเอกเกินงาม ใช้ ฉากสวยของการมีส่วนร่วม บังหน้าการตัดสินใจ ประเทศนี้ไม่ได้ต้องการ ผู้แสดง หากต้องการผู้กล้าลงมือจริงทันที

สิ่งที่พรรคประชาชนหยิบมาโชว์ในยามที่ประเทศกำลังรอผู้นำ คือแบบสอบถามสมาชิกพรรค ที่ส่งผ่าน Line และ SMS ให้คนกดเลือกว่าจะโหวตให้นายกรัฐมนตรีจากขั้วใด ระหว่าง เพื่อไทย หรือ ภูมิใจไทย พร้อมคำถามประกอบว่าจะใช้ เสียง 143 เสียง ในสภาเพื่อผลักดันให้เกิดการ ยุบสภาภายในสี่เดือน เปิดทางสู่การ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ใหม่ หรือไม่

ในสายตาของบางคน สิ่งนี้อาจดูเหมือนการเปิดพื้นที่ ประชาธิปไตยภายใน แต่ในความเป็นจริง มันสะท้อนความ ไม่กล้าแสดงภาวะผู้นำ มากกว่าการฟังเสียงประชาชน พรรคที่มีอำนาจในการชี้ขาดกลับโยนความรับผิดชอบให้สมาชิกตัดสินใจ ทั้งที่ภารกิจของพรรคการเมืองคือ การตัดสินใจแทนประชาชน ในจังหวะที่ประเทศต้องการความชัดเจนที่สุด

นี่ไม่ใช่ นวัตกรรมการเมือง หากแต่คือ มายาฉากสวย ที่ห่อหุ้มความลังเลเอาไว้ การเลือกนายกฯ ไม่ควรถูกลดทอนเหลือเพียง ปุ่มกดในแบบสอบถาม เหมือน กิจกรรมออนไลน์ราคาถูก

การหยิบคำว่า มีส่วนร่วม มาขึ้นหน้าปก ทำให้พรรคประชาชนดูคล้ายเป็น นักประชาธิปไตยรุ่นใหม่ ที่ฟังเสียงสมาชิกทุกคน แต่หากมองให้ลึก จะพบว่านี่เป็นเพียง ภาพลักษณ์ที่สวยงามเกินจริง เพราะในยามวิกฤตการเมืองไม่ใช่ เวทีประกวดไอเดีย หากคือ การตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดและทันเวลา

ประเทศไม่ได้รอพรรคการเมืองมาเปิดเวทีโหวต แต่กำลังรอให้ผู้แทนที่ประชาชนเลือกมา ชี้ทางเดินที่ชัดเจน ว่าจะพาประเทศออกจาก ความไม่แน่นอน อย่างไร เสียง 143 เสียงในมือของพรรคประชาชนจึงไม่ได้เป็นเพียง ตัวเลข หากคือ ความรับผิดชอบต่ออนาคตทั้งชาติ ทว่าพรรคกลับใช้มันเป็น เครื่องมือสร้างภาพ มากกว่าจะใช้เพื่อ ขับเคลื่อนประเทศ

ในมุมนี้สิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็น “ประชาธิปไตยภายในพรรค” จึงอาจไม่ต่างอะไรกับ ละครที่จัดฉากขึ้น เพื่อสร้างภาพพระเอก ละครที่ทำให้ประเทศติดกับดักความว่างเปล่า ขณะที่ปัญหาจริงรอคอยการ ตัดสินใจอยู่นอกเวที

หากฟังจากเหตุผลของพรรคประชาชน สิ่งที่ทำอยู่อาจถูกอธิบายว่าเป็น ความรอบคอบ พรรคต้องการให้การตัดสินใจสำคัญอย่างการเลือกนายกรัฐมนตรี สะท้อน เสียงของสมาชิกและฐานมวลชนอย่างแท้จริง แต่เมื่อมองจากอีกด้าน ความรอบคอบที่มากเกินไปก็กลับกลายเป็น ความลังเลที่ฉายซ้ำต่อสังคม

ประเทศไม่ได้มีเวลามากพอให้พรรคการเมืองใช้ทุกก้าวอย่างเชื่องช้า เพราะ จังหวะทางการเมือง ต้องอาศัยความ เด็ดขาด ไม่ต่างจาก การผ่าตัด หากช้าหรือคลุมเครือเกินไป ย่อมทำให้ บาดแผลลุกลามเกินเยียวยา

การหยิบคำว่าการมีส่วนร่วม มาประดับเหมือนเครื่องประดับราคาแพงบนร่างที่ไร้พลัง ไม่ได้ทำให้สง่างามขึ้น ตรงกันข้ามมันเผยให้เห็นว่า พรรคยังไม่เข้าใจว่าความรอบคอบที่มาช้าเกินเวลา ไม่ต่างจากความผิดพลาดที่แต่งตัวสวย

จากความรอบคอบที่กลายเป็นความล่าช้า ภาพที่ปรากฏต่อสายตาจึงไม่ใช่พรรคที่ กล้าตัดสินใจ แต่คือพรรคที่ชอบสวม บทพระเอกเกินงาม อยู่เสมอ ทุกครั้งต้องมี การหยั่งเสียง ต้องมีโพล ต้องมีการโชว์ว่าฟังประชาชนรอบด้าน ราวกับว่าประเทศนี้จะเดินหน้าได้ด้วย การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ มากกว่าการ ตัดสินใจที่ชัดเจน

ท่าทีแบบนี้อาจสร้าง ภาพลักษณ์สวยงาม ในระยะสั้น แต่ก็ทำให้หลายคนรู้สึกว่า การเมืองไทยกำลังติดอยู่กับภาพซ้ำๆที่ไร้พลัง พรรคที่ถือ กุญแจสำคัญ กลับเลือกจะยืนอยู่ตรงกลางเวที รับแสงไฟเต็มที่ แต่ไม่เคยก้าวลงมาแบก น้ำหนักของการแก้ปัญหาจริง

และเมื่อทุกฉากลงเอยด้วยการ แสดงซ้ำซาก การเมืองไทยจึงวนเวียนอยู่กับบทเดิม พรรคที่เอาแต่รับ บทพระเอกกลางไฟสปอตไลต์ แต่ทิ้งทั้งประเทศไว้ใน ความมืดของการไร้ผู้นำ

เมื่อมองย้อนกลับไป สิ่งที่พรรคประชาชนทิ้งไว้ไม่ใช่ ภาพของผู้กำหนดอนาคต แต่คือการประดับตัวเองด้วย ฉากบังตาแห่งการมีส่วนร่วม พรรคที่มีเสียงมากพอจะชี้ทิศทาง กลับเลือกใช้พลังนั้นเพื่อ สร้างภาพ มากกว่าจะพาประเทศ ก้าวข้ามความวุ่นวาย

นี่ไม่ใช่ ศิลปะทางการเมือง หากแต่คือ บทพระเอกเกินงาม ที่ทำให้ ความลังเล ถูกเสกให้ดู รอบคอบ ความ ล่าช้า ถูกห่อหุ้มว่าเป็นประชาธิปไตย และต้นทุนที่ถูกทำลายคือ เวลา เวลาที่ประเทศนี้ไม่มีเหลือให้เสียไปกับ การเสแสร้งอีกแล้ว

พรรคประชาชนอาจเชื่อว่าตนกำลังสร้างมาตรฐานใหม่ ให้การเมืองไทย แต่สิ่งที่สังคมจะจดจำคือ พรรคที่ถือเสียงมาก แต่ไม่กล้าใช้เสียงนั้นเพื่อการตัดสินใจจริง ประเทศไม่ได้ต้องการพระเอกที่ยืนรอเสียงปรบมือ หากต้องการผู้นำที่พร้อมก้าวออกมาทำในสิ่งที่จำเป็นทันที.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

พรรคประชาชน แถลงยังไม่ลงมติโหวตนายกฯ ถกต่อพรุ่งนี้เป็นวันที่สาม

36 นาทีที่แล้ว

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ของ ‘ซี-นุนิว’ แสง สี เสียง โปรดักชันสุดอลังการ!

57 นาทีที่แล้ว

เร่งช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวใหญ่ในอัฟกานิสถาน ยอดตายทะลุ 1,400 ราย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ภูมิธรรม’ ลั่นภูมิใจไทย-ปชน. ประกาศจับมือเมื่อไหร่ จะเริ่มกระบวนการยุบสภา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

พรรคประชาชน ประชุม 4 ชม. ยังไร้ข้อสรุป ย้ำจุดยืนเดิมคือทางออกประเทศ

The Bangkok Insight

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ พรรคภูมิใจไทย ปรับโลโก้-สมัครสมาชิก

MATICHON ONLINE

284 สส. ส่งชื่อหนุน “อนุทิน” นั่งนายก

THE ROOM 44 CHANNEL

"สรวงศ์" โต้ข่าวลือ ! ย้ำยังไม่มีทูลเกล้าฯ "ยุบสภา"

สยามรัฐ

“แม่ทัพภาค2”เตือนใครแตะรั้วชายแดนทัพภาค2 ถือว่าล้ำอธิปไตย ขู่ "อยากรู้จะทำยังไง" ลองมาแตะดู!

สยามรัฐ

ศาลรธน. แจง โปรดเกล้าฯ ตุลาการใหม่ ไม่มีผลคดีอิ๊ง ชี้ก่อนทำหน้าที่ต้องถวายสัตย์ฯ

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม