เสธ.เบิร์ด เปิดแผนเด็ด ฮุนเซน มีหนาว ความลับจากปาก18เชลยศึกเขมร
กรณีไทยคุมตัว 18 เชลยศึกทหารกัมพูชา โดยทาง พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ยืนยันว่า ไทยคุมตัวเชลยศึกตามหลักกฎหมายสากล จนกว่าสถานการณ์หยุดยิงจะสมบูรณ์เป็นรูปธรรม ทางฝั่งกัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติในระบบสากล เกี่ยวกับเรื่อง 18 เชลยศึก ทาง"เสธ.เบิร์ด"พลตรี วันชนะ สวัสดี ก็ได้ออกมาเผยถึงเรื่องความลับจากฝั่งฮุนเซน ที่บอกว่าจะเปิดเผย กับกับความลับที่ออกจากปาก 18 เชลยเขมร งานนี้ความลับกับไข่เจียว อะไรจะแซ่บกว่ากัน
โดย "เสธ.เบิร์ด" เผยว่า หลังจากนี้ความลับที่จะหลุดออกจากปากฮุนเซนกับความลับที่ออกจากปากเชลยศึก 18 คนอันไหนจะแซ่บกว่ากัน
เมื่อความลับที่ฮุนเซนบอกว่าจะเปิดเผยนั้นไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่หรือถ้ามีแต่จะแซ่บหรือไม่นั้น เรายังบอกไม่ได้ และคาดว่าหลังจากนี้ก็คงจะไม่ได้มีความลับอะไรเพิ่มอีก
ส่วนความลับที่จะออกจากปาก 18 เชลย นั้นยังมีโอกาสได้เพิ่มอยู่เสมอ เมื่อเฉลยศึกทั้ง 18 คนรู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าไทยส่งตัวพวกเขาเหล่านี้กลับไปสู่เขมร จึงอาจสมัครใจอยากบอกอะไรเพิ่มให้กับไทยบ้างก็ได้
เอาไว้ผมไปทอดไข่เจียวเป็นอาหารเสริมสักมื้อให้กับ18เชลยบ้างก็คงจะดี เรื่องทอดไข่ก็พอได้อยู่ ดูจากคลิปก็พอได้นะ แล้วจะไปทอดไข่เจียวให้นะครับน้องๆเชลย
ด้านรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาในวันที่ 21 ส.ค.68 มีดังนี้
สถานการณ์โดยรวม ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ยังคงกำลังพล, รถยนต์และรถบรรทุกหลายคันเคลื่อนตัวเข้าสู่บางพื้นที่ ขณะเดียวกันบริเวณแนวชายแดน ยังตรวจพบโดรน ของฝ่ายกัมพูชา จำนวน 93 ลำ ปัจจุบันกองกำลังของทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังประจำที่มั่นของตน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
โฆษกกองทัพบกไทย โต้แถลงการณ์ของโฆษกกลาโหมกัมพูชา( 21 ส.ค.68 )ที่อ้างว่ากัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด พร้อมเรียกร้องให้ไทยทำตามและส่งตัวทหารกัมพูชา 18 นายกลับประเทศ โดยยืนยันว่ากลับกัน ควรเป็นฝ่ายไทยที่มีสิทธิเรียกร้อง เนื่องจากยังพบพฤติการณ์ละเมิดหยุดยิงของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้ทุ่นระเบิด PMN-2, การบินโดรนสอดแนมรุกล้ำน่านฟ้า และพฤติการณ์ยั่วยุใส่ทหารไทยต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ IOT
กองทัพบกไทยเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจัง ทั้งการหยุดใช้อาวุธทุ่นระเบิด การหยุดเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และยุติการปลุกปั่นประชาชนหรือเพิ่มกำลังทหารชายแดน ย้ำว่าการปฏิบัติต่อเชลยศึก 18 นาย เป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา เปิดให้ ICRC ตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส ไทยยืนยันยังคงอดทน อดกลั้น และปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง เพื่อสร้างบรรยากาศสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองประเทศต่อไป
ในส่วนของการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ เมื่อ 20 ส.ค.68 กระทรวงการต่างประเทศ โดย อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รายงานโดยสรุป(ในบางประเด็นสำคัญ)ว่า ระหว่างวันที่ 18–20 สิงหาคม 2568 คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จาก 8 ประเทศอาเซียน ได้ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา โดยได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่เสี่ยง เหยื่อจากทุ่นระเบิด แนวปะทะสำคัญ และสถานควบคุมเชลยศึกกัมพูชา รวมถึงโรงพยาบาลพนมดงรักที่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชาพยายามขัดขวางการสังเกตการณ์ ซึ่งฝ่ายไทยแสดงความผิดหวัง และย้ำว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงใจและความโปร่งใสของไทย แตกต่างจากการจัดฉากและการเผยแพร่ข่าวบิดเบือนของกัมพูชา
ไทยยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาโดยสันติ ผ่านกลไก คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)
และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) แม้กัมพูชาจะหลีกเลี่ยงการหารือเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามสแกมเมอร์ ขณะเดียวกัน ไทยผลักดันเรื่องนี้ในกรอบพหุภาคี โดยได้ส่งหนังสือถึงญี่ปุ่นในฐานะประธานอนุสัญญาออตตาวา และชี้แจงต่อคณะกรรมการที่นครเจนีวา พร้อมยืนยันว่าจะนำหลักฐานวิดีโอและภาพถ่ายทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในฝั่งไทยไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ แม้กัมพูชาจะอ้างบทบาทเชิงบวกในอดีตด้านการกวาดล้างทุ่นระเบิด แต่หลักฐานปัจจุบันยืนยันถึงพฤติการณ์ละเมิดที่ชัดเจน สะท้อนถึงความไม่จริงใจและเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย