ประกันสังคมปรับสูตรคำนวณ 'บำนาญชราภาพ' ตั้งกติกาเปลี่ยนผ่านผู้ประกันตนได้มากกว่าเดิม
วันที่ 22 ส.ค.2568 รศ.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และ มาตรา 39 (เฉพาะกิจ) เปิดเผยความคืบหน้าการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 33 และ มาตรา 39 (เฉพาะกิจ)
เพื่อเดินหน้าการพัฒนาสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับเงินบำนาญชราภาพ ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณสูตรบำนาญชราภาพเป็นสูตร CARE (Career-Average Revalued Earnings) ว่า ตามที่คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ)
โดยมีผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ผู้แทนจากองค์กรภาครัฐ และผู้แทนสำนักงานประกันสังคม (สปส.) โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการศึกษาถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้
ล่าสุดจากการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2568 ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกันตน เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 เป็นไปอย่างรอบคอบ และตรงตามกลุ่มเป้าหมาย เป็นธรรมต่อผู้รับบำนาญ ซึ่งจะดำเนินการสอบถามความคิดเห็นในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.2568
ในที่ประชุมฯ จึงเสนอขอขยายระยะเวลาคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) ไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2568
รศ.อนุสรณ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมฯ ได้กล่าวถึงมติบอร์ดประกันสังคม (ชุดที่ 14) ครั้งที่ 16/2568 เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า บอร์ดประกันสังคมได้เห็นชอบในหลักการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ)
เสนอเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลง โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1.ปรับวิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ จากเดิมใช้ฐานเงินสมทบ 60 เดือนสุดท้าย เปลี่ยนเป็นใช้ฐานเงินสมทบเฉลี่ย 180 เดือนสุดท้าย เพื่อสะท้อนรายได้ที่แท้จริงของผู้ประกันตน
2.ปรับกติกาเปลี่ยนผ่าน กรณีคำนวณบำนาญชราภาพสูตรใหม่ได้น้อยกว่าสูตรเดิม เห็นควรกำหนดระยะ 5 ปี โดยผู้ที่เกษียณภายในปีที่ 1 หลังแก้ไขกฎหมายให้ชดเชยส่วนต่าง 100% และลดหลั่นลงปีละ 20% โดยปีที่ 2 ชดเชย 80%, ปีที่ 3 ชดเชย 60%, ปีที่ 4 ชดเชย 40%, ปีที่ 5 ชดเชย 20%
3.กำหนดแนวทางการจ่ายบำนาญชราภาพใหม่ ใช้ระบบ “คะแนนบำนาญชราภาพ (Pension Point) โดยคิดจากค่าจ้างของผู้ประกันตนที่นำส่งเงินสมทบ ประกอบกับมีการปรับค่าบำนาญตามดัชนีค่าครองชีพ (CARE) เพื่อให้ทันต่อสภาพเศรษฐกิจ
4.มีเป้าหมายการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ เพื่อสร้างความมั่งคงและเป็นธรรมแก่ผู้ประกันตนเมื่อต้องพึ่งพารายได้หลังเกษียณอายุให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
5.มติบอร์ดประกันสังคม เห็นชอบข้อเสนอของตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาฯ ให้มีการปรับเพิ่มฐานค่าจ้างมาตรา 39 อย่างต่อเนื่องตามค่าเงินที่เปลี่ยนไป เพื่อให้สอดคล้องกับคิดบำนาญสูตร CARE
6.ให้ สปส.จัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์การบริหารความยั่งยืนทางการเงิน (Funding Strategy) นำเสนอให้บอร์ดประกันสังคมพิจารณากำหนด Funding Strategy โดยรวมถึงแนวทางปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบภายในปี 2570 เพื่อครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับสูตรบำนาญชราภาพ
ด้าน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สปส. กล่าวว่า เพื่อสร้างการรับรู้เพิ่มความเข้าใจในการปรับสูตรบำนาญผ่านช่องทางต่าง ๆ ขณะนี้คณะอนุกรรมการศึกษา และปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 (เฉพาะกิจ) ได้สร้างเครื่องมือทดสอบการคำนวณ (Pension Calculator) ซึ่งผู้ประกันตนสามารถเข้าไปคำนวณค่าบำนาญสูตร CARE เบื้องต้น ได้ที่ https://sso.thaith.ai/care/
ทั้งนี้ สปส.ได้เล็งเห็นความสำคัญในการปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญชราภาพสูตรใหม่ CARE ยึดหลักความสอดคล้องทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงินของกองทุนประกันสังคมที่มั่นคง
เพื่อเพิ่มการดูแลผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ในช่วงวัยเกษียณ ซึ่งจะมีการขยายความคุ้มครองกรณีชราภาพไปยังผู้ประกันตนมาตรา 40 ทุกทางเลือก เพื่อให้ครอบคลุมและได้รับสวัสดิการประกันสังคมอย่างเพียงพอในการดำรงชีวิต