KLINIQ ลุยปั้นสาขาใหม่ กำไรเด่น-ปันผล 0.70 บ.
#KLINIQ #ทันหุ้น – KLINIQ เดินเกมเปิด 6 สาขาใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง รับมือเข้าสู่ช่วงไฮซีซันธุรกิจ ดีมานด์บริการสกิน-ศัลยกรรมพุ่งแรง พร้อมรักษามาร์จิ้น 50% อวดงบไตรมาส 2/2568 ดีเกินคาด กวาดกำไร 89.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% บอร์ดใจป้ำปันผล 0.70 บาท
นพ.อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ธุรกิจด้านการดูแลผิวพรรณมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์ L.A.B.X ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าและครองตลาดระดับพรีเมียมลงมา ขณะที่ธุรกิจศัลยกรรมยังอยู่ในช่วงขยายตัว จึงอาจกดดันภาพรวมกำไรเล็กน้อย
สำหรับครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่รวม 6 แห่ง โดยในไตรมาส 3 จะเปิด THE KLINIQUE 1 สาขา, L.A.B.X 2 สาขา และ L’CLINIC 1 สาขา ส่วนไตรมาส 4 จะเปิด L.A.B.X เพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ ที่สุราษฎร์ธานี และเซ็นทรัล อีสต์วิลล์
** มาร์จิ้น 50%
ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) บริษัทคาดว่าจะรักษาระดับได้ที่กว่า 50% แม้ธุรกิจศัลยกรรมยังอยู่ในช่วงลงทุนและขยายการให้บริการ โดยฐานธุรกิจด้านการดูแลผิวพรรณ มีความแข็งแกร่งและช่วยสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัท
“ภาพรวมธุรกิจปัจจุบัน แบรนด์หลัก THE KLINIQUE และ L.A.B.X มีการเติบโตของผลงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจศัลยกรรมยังคงสร้างกำไร แม้อัตรากำไรจะยังบางอยู่ ส่วนแผนการเปิดโรงพยาบาลศัลยกรรม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2569 เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันรายละเอียดได้” นพ.อภิรุจ กล่าว
สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2568 บริษัทคงเป้าเดิมที่ 3.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 16-17% จากรายได้ปี 2567 ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท และตั้งเป้ากำไรเติบโตในอัตราใกล้เคียงคือราว 20% ทั้งนี้ถือเป็นการตั้งเป้าแบบ Conservative ท่ามกลางภาวะตลาดที่หลายบริษัทปรับลดเป้าหมาย
** เข้าไฮซีซันธุรกิจ
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ทั้งจากความต้องการบริการด้านผิวพรรณและศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้น ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวและสิ้นปี ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อยอดขายและกำไรของบริษัทในปีนี้
ด้านธุรกิจสปา ปัจจุบันบริษัทมีสปาเปิดให้บริการอยู่ 2 สาขา และยังไม่มีแผนขยายเพิ่มเติมในปี 2568 เนื่องจากบริษัทมุ่งดำเนินการเปิดสาขาใหม่ของแบรนด์หลักรวม 10 แห่งภายในปีนี้ตามแผนงานที่วางไว้
สำหรับตลาดลูกค้าต่างชาติ ธุรกิจสปายังคงทำผลงานได้ดี แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้ภาพรวมยังคงทรงตัว ขณะที่ธุรกิจในแบรนด์อื่นยังพึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าในประเทศอยู่ที่ประมาณ 80-85% ของทั้งหมด
โดยบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีรายได้จากการขายและบริการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 21.3% แตะ 851.12 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20.9% เป็น 89.57 ล้านบาท ผลักดันจากการขยายสาขา การลงทุนในบริการที่หลากหลาย และการเติบโตของแผนกศัลยกรรมตกแต่ง
** SSSG เติบโต 8.7%
สำหรับไตรมาส 2/2568 โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 851.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น 9 สาขา
ขณะที่ Same Store Sales Growth (SSSG) สำหรับไตรมาส 2/2568 ก็เติบโตขึ้น 8.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทมีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 77 สาขา แบ่งเป็น THE KLINIQUE 46 สาขา, L.A.B.X 24 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา, L’CLINIC 4 สาขา และ KLINIQ WELLNESS SPA 2 สาขา
ในด้านความสามารถในการทำกำไร บริษัทมีกำไรขั้นต้น 432.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.0% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 50.8% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีจากปีก่อน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 12 กันยายน 2568