ทิดสฤษฏิ์ ปัดทุจริตเงินวัด อ้างที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนตัว ตร.เร่งสืบเพิ่ม
ทิดสฤษฏิ์ ให้การปฏิเสธ อ้างเงินที่โอนให้กัน เป็นเงินส่วนตัว ตำรวจพบอีกหลายเส้นเงินที่ต้องสงสัย-พร้อมตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. เปิดเผยถึงกรณีของ นายสฤษฏิ์ จันท์ประธาตุ หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และ น.ส.ภูธินี กวินพิศาล 2 ผู้ต้องหาปมยักยอกเงินวัดที่ได้มีการฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สุมรภูมิ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ น.ส.ภูธินี ให้การยอมรับว่าได้รับเงินโอนจากนายสฤษฏิ์จริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นเงินของวัด เข้าใจว่าเป็นเงินส่วนตัวของนายสฤษฏิ์ จึงยังคงให้การปฏิเสธในประเด็นนี้ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน น.ส.ภูธินี ระบุว่ารู้จักกับเจ้าอาวาสมานานกว่า 10 ปี จากการที่เข้าไปทำบุญและช่วยเหลือที่วัด ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวไม่มีใครปฏิเสธในประเด็นนี้
ขณะที่นายสฤษฏิ์ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่านำเงินจำนวนกว่า 4 ล้านบาทไปทำอะไร และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าการให้การในทิศทางเดียวกันของทั้งสองคน อาจมีการเตรียมการมาก่อน จึงจำเป็นต้องนำคำให้การและพยานหลักฐานมาวิเคราะห์ร่วมกันอีกครั้ง ส่วนเส้นทางการเงินที่ตรวจสอบพบตามพยานหลักฐานคือเงินจากวัดนครสวรรค์ ไปสู่บัญชี น.ส.ภูธินี ยังไม่พบเส้นเงินจากพุทธอุทยาน และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตนครสวรรค์ ไปยังบุคคลอื่น
แต่จากการสืบสวนยังพบเพิ่มเติมอีกว่ามีเส้นเงินอื่นๆที่อาจจะเข้าข่ายกระทำความผิด ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนหากพบการกระทำความผิดที่แน่ชัดแล้ว ก็จะต้องถูกกล่าวหาดำเนินคดีเพิ่มเติมในลักษณะตามกรรมต่างวาระ
ส่วนกรณีการตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ พ.ต.อ.สุมรภูมิ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตรวจสอบว่าวัด จะเข้าข่ายทุจริตหรือไม่อย่างไร รวมถึงการตรวจสอบเรื่องที่ดินหรือรายชื่อคนที่ถือที่ดินของวัด และสิ่งปลูกสร้างจะต้องตรวจสอบย้อนหลังว่าทำถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งต้องตรวจสอบมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับวัดทั้งหมด เผื่อว่าจะมีทรัพย์สินเงินทองของวัดไปเกี่ยวข้องด้วย พร้อมย้ำว่า อะไรที่เกี่ยวข้องกับวัดจะตรวจสอบทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนมูลนิธิที่ถูกสร้างขึ้นในหลายๆวัด มองว่าเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายหรือไม่ พ.ต.อ.สุมรภูมิ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนมาหลายคดี พบว่าบางวัดมีการตั้งมูลนิธิเพิ่มขึ้นมาภายในวัดเพื่อถ่ายเงินออกไป ซึ่งมองว่าจริง ๆ สามารถใช้บัญชีของวัดในการจัดสรรทำโครงการต่าง ๆ ได้ โดยการใช้บัญชีของมูลนิธิ หากผู้บริหารมูลนิธิยักยอกเงินก็จะโทษเบากว่าทุจริตเงินวัด อีกทั้งยังตรวจสอบได้ยากและสามารถยอมความกันได้ แต่หากเป็นบัญชีของวัดผู้รู้เห็นทั้งหมดจะมีความผิดและโทษหนักกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็มีการพูดคุยในที่ประชุมหลายๆหน่วยงานเพื่อหามาตรการในปิดช่องว่างนี้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทิดสฤษฏิ์ ปัดทุจริตเงินวัด อ้างที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนตัว ตร.เร่งสืบเพิ่ม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th