’จ๊ะจ๋า-จิ๊บ‘ ซาบซึ้ง คุณยายบริจาคร่างกาย ภูมิใจผู้ไม่เคยเรียนหนังสือ ได้เป็นอาจารย์ใหญ่ให้ว่าที่คุณหมอ!
เป็นเรื่องราวที่สร้างความประทับใจและซาบซึ้งใจอย่างมาก สำหรับนักแสดงสาว “จ๊ะจ๋า พริมรตา” ภรรยาสาวสวยของ “จิ๊บ วสุ” ที่ก่อนหน้านี้ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เล่าถึงความภาคภูมิใจในตัวคุณยายแท้ๆ ของเธอ ที่แม้จะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ได้เลือกที่จะอุทิศร่างกายตัวเองเพื่อเป็น อาจารย์ใหญ่ ให้แก่นักศึกษาแพทย์ ได้ศึกษาเป็นวิทยาทานในวาระสุดท้ายของชีวิต ตามที่ข่าวในนำเสนอไปก่อนหน้านี้
‘จ๊ะจ๋า พริมรตา’ โพสต์เรื่องราวสุดซึ้ง ‘คุณยาย’ อุทิศร่างกายให้เป็นอาจารย์ใหญ่
ล่าสุด จ๊ะจ๋า ได้ควงแขน จิ๊บ มาร่วมงานแถลงข่าวงานวิ่งการกุศล "ซุปตาร์ รัน 2025" ก็ได้เผยถึงเรื่องราวของคุณยายและสิ่งที่ครอบครัวปลูกฝังมาตลอด โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำบุญอยู่แล้ว เลยถือว่าการบริจาคอวัยวะหรือร่างกาย เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุด
โดย จ๊ะจ๋า เผยว่า “สำหรับในเรื่องของคุณยาย ตอนนี้ได้ขึ้นสอนแล้วค่ะ คุณยายอายุ 86 ปี บริจาคร่างกายไว้ ทีนี้พอเสีย โรงพยาบาลก็มารับไปดูแล ทีนี้ก็ได้ขึ้นให้นักศึกษาแพทย์ นิสิตของทันตแพทย์จุฬาฯ ได้เตรียมเรียนในเทอมนี้ ซึ่งจ๋าทราบอยู่แล้วว่าคุณยายได้บริจาคร่างกายไว้ เพราะเป็นแนวคิดของบ้านเราอยู่แล้ว คุณยาย คุณพ่อคุณแม่ จ๊ะจ๋า น้องสาว ทุกคนบริจาคหมดแล้ว ส่วนตัวเราก่อนบริจาคร่างกาย เราได้ไปบริจาคดวงตา อวัยวะไว้ สมมติว่าเราประสบอุบัติเหตุสมองตาย อวัยวะของเราสามารถส่งต่อได้อีกหลายชีวิต ทำเรื่องไว้นานมากแล้วค่ะ
จริงๆ เราไม่รู้เลยว่า บริจาคไว้แล้วเขาจะเอาไปไหน จนคุณยาย ทีแรกเราไม่รู้ว่าอวัยวะจะใช้งานได้ไหม เพราะอายุมากแล้ว แต่กลายเป็นว่าได้ แล้วเป็นความภูมิใจค่ะ ในวันที่ทำบุญมีนิสิตมานั่งกราบ เขาบอกว่าคุณยายของเราได้เป็นอาจารย์ใหญ่ของเขานะ คือภูมิใจว่าคุณยายไม่ได้เรียนหนังสือ คนไม่ได้เรียนหนังสือจะเป็นครูของใครสักคนเป็นไปไม่ได้เลย แต่ว่าพอคุณยายทำแบบนี้ไว้ คุณยายได้เป็นอาจารย์ เป็นผู้ให้ความรู้เป็นผู้ให้วิชา กับว่าที่คุณหมอ ครอบครัวก็ภูมิใจมากๆ
ถามว่าครอบครับปลูกฝังกันมายังไง คือเริ่มจากจ๊ะจ๋านี่แหละ เราได้เขามาวงการบันเทิงก็เลยได้เข้าร่วมหลายๆ โครงการที่เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ เกีายวกับวงการแพทย์ ตรงนี้เราบริจาคตัวเองก่อน เริ่มที่ดวงตา แล้วก็เล่าให้ที่บ้านฟัง ตอนแรกทุกคนกลัวว่าชาติหน้าเราจะครบไหม ชาติหน้าเราจะพิการไหม เราจะโป๊ไหม ที่เขาจะต้องมาผ่าเรา ใครจะมาล้างอะไรเรา ความริดตอนนั้น แต่พอเรามีความรู้เราก็เล่าได้ คุณยายก็บอกว่าอยากจะบริจาร่างกาย อยากทำเหมือนที่เราทำ ตอนนี้ดีใจ จ๊ะจ๋าได้มีโอกาสคุยกับพี่จิ๊บ ครอบครัวพี่จิ๊บก็บริจาคเหมือนกัน เรามีวิธีคิดแบบเดียวกัน
คือเราเป็นคนชอบทำการกุศลอยู่แล้ว อะไรที่เราช่วยเหลือได้ อุทิศตัวเองได้ ตายไปร่างกายเรามีประโยชน์ ถ้าเราได้ใช้จนหยดสุดท้ายมันถือว่าเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด จ๋าไม่ได้กังวลเลยว่าชาติหน้าจะเป็นยังไง มีจริงไหม แต่ชาตินี้เราได้ทำ ความสุขเกิดขึ้นแล้ว มีคนมาอนุโมทนาด้วย ใจฟูมากๆ"
จิ๊บ เผยว่า "ผมก็บริจากเหมือนกันนะ พอเราเริ่มอยูาด้วยกัน รู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คลื่นความคิดตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ทางบ้านผมเป็นสายหมออยู่แล้ว ผมก็ชินเด็กๆ คุณพ่อพาขึ้นไปดูร่างกายของผู้มีจิตศรัทธาเขาบริจาคร่างกายมาเพื่อเป็นวิทยาทานมาเป็นอาจารย์ใหญ่เป็นอย่างไร เราเลี่อมใสตั้งแต่เด็ก จริงๆ นะ ร่าวกายเราเป็นประโยชน์สุดตอนท้ายที่เราสามารถทำให้กับโลกได้ ทำไมไม่ทำล่ะ ตอนแรกเกรงๆ ไม่กล้าคุยนะ แต่พอได้คุยอ่าวดขามีช่องความคิดที่ตรงกับเราหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ มีความสุขมากๆ"