“เอส กันตพงศ์” เปิดใจครั้งแรกหลังเลิก “คิตตี้ คริสติน่า” ลั่นตั้งใจทำหน้าที่พ่อแม่ให้ดีที่สุด
“เอส กันตพงศ์” เปิดใจครั้งแรกหลังเลิก “คิตตี้ คริสติน่า” ลั่นตั้งใจทำหน้าที่พ่อแม่ให้ดีที่สุด
จากกรณีที่ “คิตตี้ คริสติน่า” อดีตภรรยาของพระเอกหนุ่ม “เอส กันตพงศ์” ออกมาเปิดใจว่าตอนนี้ได้หย่ากับสามีแล้ว หลังเข้าพิธีวิวาห์และจดทะเบียนสมรสไปเมื่อปี 2563 ล่าสุดเจอตัวหนุ่มเอสเจ้าตัวก็เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า
คือความจริงต้องยอมรับว่าผมก็ไม่ได้พูดมานาน เพราะจริงๆ สื่อพูดออกไปทั้งหมดก็ ลูกโตขึ้นมาก็จะเห็น ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมรู้สึกประคับประคอง ทำหน้าที่ ประคับประคองครอบครัวให้ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้ สิ่งที่เขาต้องการยังไง ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปขัดขวางความต้องการของคนอื่น เขาต้องการยังไง ผมก็รู้สึกว่าต้องเคารพการตัดสินใจของเขา สภาพจิตใจตอนนี้ คือเรื่องที่ผมไม่เคยพูดเหมือนกัน ว่าที่สงสัยว่า อาการป่วยทุกคนสงสัย มันก็มีรู้มาแล้วว่ามีอะไรบ้าง สาเหตุต้นเหตุคืออะไร หมอก็ค่อนข้างทราบแล้วจากอะไร อาจจะเป็นเรื่อง โอเคผมเป็นไมเกรนตั้งแต่เด็ก แล้วหายไปแล้ว แต่ผมไม่เคยเสิร์ชดูว่าโรคนี้สามารถทำให้หัวใจวายได้ ไมเกรนถ้ามันถึงความเครียดขั้นสุดที่มันหนักๆ เราก็มานั่งย้อนว่า ความจำมันกลับมาได้พอดี อันนี้ไม่ได้ปิดข่าวอะไร มันเพิ่งกลับมาสัก 1-2 เดือนว่ามันเกิดเหตุได้ยังไง แล้วพอดีมีความจำบางอย่างที่กลับมาว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น
สำหรับก่อนหน้านี้จำไม่ได้ทั้งหมดทุกเรื่อง แต่ว่ามันทยอยกลับมา แล้วก็ไอ้ที่ผมสงสัยมานานเพิ่งทยอยกลับมา แล้วที่แฟลชแบ็กก็คือผมก็ยังคิดว่าฝันไปเอง หรือคิดไปเองหรือเปล่า ก็ถามทุกคนที่สนิทรู้จัก ก็จะมีบางคนที่รู้ว่าผมไประบายความรู้สึกกับเขา คือผมพยายามทำหน้าที่ของผมดีที่สุดแล้วครับ ตอนนี้ผมแค่รู้สึกว่าผมทำหน้าที่คุณพ่อดีกว่า ทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ก็ทำหน้าที่คุณพ่อคุณแม่ เขาก็ยังอยู่ไทย แต่อันนี้เป็นสิ่งที่ผมยังไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาอยู่ไหน ผมก็อยากให้เขาบอกดีกว่า คือเราติดต่อกันพยายามคุยสอบถาม แต่ว่าเขาอยู่ตรงไหนเนี่ย ผมเองก็อยากทราบ ลูกสาวก็ไปๆ มาๆ
ถามว่าโอเคขึ้นมั้ย ก็เพิ่งมานั่งคิดย้อนว่าโรคที่เราคิดว่าหาย มันอาจจะมีขั้นลึกที่ผมไม่เคยรู้ ก็เลยพยายามหาอะไรทำกิจกรรมที่ไม่เครียด ไม่ใช่ไม่เครียดสิฮะ ทำกิจกรรมอะไรที่ไม่ต้องคิดเยอะลึกเกินไป กลัวว่าเดี๋ยวมันจะไปกระตุ้นหรือเปล่า เพราะเครื่องกระตุ้นหัวใจผมเพิ่งทำงานอีกทีนึง แล้วผมเพิ่งมานั่งย้อนตั้งแต่ป่วยครั้งแรก ทุกอย่างเป็นแบบนี้หมดเลย คือเหตุการณ์ที่ทำให้เครื่องทำงาน เป็นเหตุการณ์จากสถานการณ์เดียวกัน แต่คนละวัน หมายถึงว่าประโยคที่หูได้ฟังตอนนั้น มันคือประโยคจากบุคคลเดียวกัน พูดเหมือนกันหมดเลย