ฟ้าผ่า "ผู้ประกาศสาว"ถูกเลิกจ้าง จากช่องดัง "ปอ ปุณยวีร์"ผันตัวไลฟ์สดสู้ชีวิต
ช็อกกลางวงการข่าวบันเทิง เมื่อ"ปอ ปุณยวีร์ สุขกนิษฐ์" ผู้ประกาศข่าวหญิงมากฝีมือ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการทีวีกว่า 30 ปี ออกมาเปิดใจสุดสะเทือนใจผ่านรายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ถึงเรื่องราวไม่คาดฝันที่ถูกเลิกจ้างจากช่อง 3 แบบฟ้าผ่า
แม้จะยอมรับว่า "ใจหาย" กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็เข้าใจดีว่านี่คือยุคเปลี่ยนผ่านของวงการโทรทัศน์ ที่หลายคนต้องเผชิญการปรับลดกำลังคน และปิดฉากอาชีพแบบที่ไม่ได้เตรียมใจเต็มร้อย
"เตรียมใจไว้อยู่แล้วค่ะ แต่พอถึงจริง ๆ มันก็ใจหายนะ…" ปอเผยทั้งน้ำเสียงที่ยังเข้มแข็ง
แม้จะไม่ได้เป็นพนักงานประจำแล้ว แต่เธอก็ยังมีโอกาสทำงานในรูปแบบฟรีแลนซ์ และเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่เจ้าตัวยอมรับว่า “เหนื่อยและไม่ง่าย” อย่างการไลฟ์ขายของ ทำคอนเทนต์ลงโซเชียล
"ลองไลฟ์ขายของกับเพื่อนแล้วค่ะ ขายได้นะ แต่เหนื่อยมาก ปวดหลัง เสียงหายเลย (หัวเราะ)"
อีกหนึ่งความพยายามคือการเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่ในวงการบันเทิง อย่าง "พิ้งกี้ สาวิกา" เพื่อหาวิธีเชื่อมโลกยุคใหม่กับประสบการณ์เดิม แม้จะรู้ดีว่าวัยที่ต่างกันคือความท้าทาย
"รุ่นเราไปเต้นแบบวัยรุ่นไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าฝืนก็คงจะดูหลอก ๆ"
แม้วันนี้จะไม่ใช่ "ปอ ปุณยวีร์" คนเดิมที่เราเห็นบนจอทีวีทุกวัน แต่ความกล้าเปิดใจ ปรับตัว และไม่ยอมแพ้ของเธอ คือภาพที่ทำให้ใครหลายคนต้องเอาใจช่วย พร้อมส่งกำลังใจให้เธอเดินหน้าบนเส้นทางใหม่อย่างสง่างาม โลกเปลี่ยน คนข่าวเปลี่ยน แต่หัวใจนักสู้ของ "พี่ปอ" ไม่มีวันเปลี่ยน!
ถามถึงความผูกพันในการทำงาน ในที่สุดก็เจอเรื่องวิกฤตเลย์ออฟออกจากช่อง?
"ก็ผูกพันมานานเพราะว่าทำมา 30 กว่าปี เพื่อนรุ่นเดียวที่ทำกันมาก็ออกกันไปหมดแล้ว อย่างปุ้ย ที่ทุกคนเห็นกัน อย่างเพื่อนรุ่นออกกันหมด คนจะบอกว่าปอมีเซฟโซน พี่ปอชอบอยู่ตรงนี้ ก็ในเมื่อที่นี่มีความอบอุ่น มีความสุขแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนละ เราก็ชอบอยู่ที่นี่เพราะเจ้านายน่ารักมาก คือเค้าให้โอกาสเราทุกอย่าง เราทำงานตรงนี้ แล้วก็ยังมีเวลาไปใช้ชีวิตของตัวเอง เค้าให้อิสระเรา จนมาวันนี้ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราก็ออกมา มาถึงล็อตของเรา ล็อตล่าสุดที่ออกมาจากช่องเพราะว่าเค้าเลิกจ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสได้เป็นฟรีแลนซ์ ก็ยังได้ทำงานช่อง 3 อยู่ช่อง3อยู่
ตอนที่เราเห็นชื่อเราถูกเลิกจ้างตอนนั้นความรู้สึกมันเป็นยังไง?
"พี่หนูแหม่มรู้มั้ย จริงๆเราเราคิดเผื่อชีวิตแบบนี้มานานแล้ว เพราะเราเห็นมาหลายล็อตแล้ว และบ้างล็อตก็เป็นล็อตที่เราเป็นหัวหน้า ที่เราต้องบอกเค้า จริงๆปอไม่มีส่วนเอาคนออกนะคะ แต่จะเป็นในส่วนของการประเมินนะคะเราก็ไม่คิดหรอกคะว่าจะเป็นตัวเอง ก็มีเตรียมใจไว้บ้างเหมือนกัน เพราะว่าสถานการณ์ตอนนี้เราก็ต้องเข้าใจ สื่อในทีวีมันก็ค่อนข้างจะไปกันยากแล้วแหละ เรารู้เลยว่าเรือลำใหญ่ของเรามันแบกไม่ไหวแล้วอ่ะ วันนึงเรือมันแตก ก็ต้องจม หรือมีคนไป"
เราเข้าใจสถานการณ์ ณ ตรงนี้มาตลอดใช่มั้ย?
"เราเข้าใจทุกอย่าง แม้ในใจมันจะหวิวๆ มันรักบ้านหลังนี้ ปอเชื่อว่าน้องๆทุกคนก็มีความรู้สึกแบบนี้ ทุกคนเข้าใจมันหวิวเพราะรักที่นี่"
วางแผนตัวเองยังไงต่อ จะมุ่งทำโซเชียล หรือไลฟ์ขายของมั้ย?
"ตอนแรกที่เจอ หนูคิดอะไรไม่ออกเลย หนูคิดแต่ว่าหนูไปทำงานที่ช่อง หนูถนัดแต่ในเรื่องของพิธีกร แต่ส่วนนึงที่เจ้านายให้โอกาสก็คือมีแว้บๆไปทอล์คขายของมาแล้วบ้าง เพราะหนูรู้สึกว่าการขายของเป็นสิ่งที่หนูถนัดมากที่สุด หมายถึงว่าไปขายของให้เค้าไปรีวิวให้เค้า เราชอบตรงนี้แล้วเราก็มีความจริงใจที่จะรีวิว และลูกค้าจะชอบก็คิดว่าตรงนี้เป็นอาชีพเสริมอย่างเดียว แต่เราก็คิดว่าเศรษฐกิจแบบนี้แล้วใครจะจ้างเราต่อไป"
แล้วงานโซเชียลอื่นๆมีได้ดูไว้บ้างมั้ยคะ?
"ก็มีดูค่ะ มีถามแพท ณปภา มีดูๆจากเค้า แต่หนูก็คิดว่ามันไม่ง่าย ทีแรกทุกคนก็บอกว่าออกมาลุยโซเชียลซิคิดว่าง่าย มันยาก ตอนแรกคิดว่าจะถ่ายเองตัดเอง ในที่สุดแล้วมันทำไม่ทัน บางทีจะตัดคลิปขายของใช้เวลาทั้งวัน และก็ไปเจอพิ้งกี้ สาวิกา เราก็ถามเค้าหนูทำคลิปตลกมากเลย เค้าก็บอกว่าหนูมีผู้ช่วย ผู้ช่วยเค้าก็ไม่ได้เยอะทำกับพิ้งกี้สองคน แต่วันนึงต้องทำคลิป2-3คลิป ต้องตัดคลิปใส่เพลง ด้วยความเค้าเป็นวัยรุ่นก็ยังมีความวือหวา รุ่นเราไปเต้นแบบเค้าเข่าก็ไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วถ้ามันฝืนกับธรรมชาติของเรามันก็จะดูหลอกๆ
กับงานขายของไลฟ์สดพอไหวมั้ย?
"มีบ้างค่ะ มีไลฟ์สดขายเสื้อผ้ากับเพื่อน เราก็เลือกมาแบบเสื้อผ้าคนอายุ40-50 กว่า ตามบุคลิกของเราก็คือขายได้อยู่ แต่พี่หนูแหม่มรู้มั้ยว่าการไลฟ์สดขายของ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก หนูไลฟ์ไปนอกจากเสียงจะไม่มีแล้ว ยังปวดหลังไปด้วย (หัวเราะ)มันไม่ใช่ทางเรา มันต้องไลฟ์ไปเรื่อย มันหยุดไม่ได้"
ครอบครัวเราว่ายังไงบ้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น?
"เค้าก็สนับสนุนทุกอย่าง อยากทำอะไรก็ทำ แต่ข้อดีหนูว่ามันก็ดีมากในการดูแลสุขภาพ มีเวลามากขึ้น มีเวลาเลี้ยงลูก ได้สร้างเยาวชนขึ้นมาหนึ่งคน แต่หนูก็ลำบากหน่อยที่มีลูกตอนอายุเยอะ ถามว่าโดนออกงานตอนนี้ แต่เรายิ่งต้องหาเงินจ่ายค่าเทอมลูกอยู่เลยนะ"
แล้วได้คุยกับลูกยังไงบ้าง?
บอกกับลูกว่าเราไม่ได้สบายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราต้องประหยัด แม่ติดอาวุธให้ลูกแล้วเรื่องการศึกษา ลูกต้องหาเองตั้งใจและทำเอง เงินส่วนที่เก็บมีแต่ของแม่ คุยกันแบบผู้ใหญ่เพราะเขาอายุ 14 แล้วเงินของแม่นะ มรดกไม่มีให้ ลูกต้องหาเอง บ้านมีให้ถ้าถึงวัยทำงานลูกอยู่บ้านไปก่อน ยังไม่ต้องไปเช่าหรืออะไร รถมีใช้ได้ แต่เงินที่จะหาใช้ซื้อความสุขหา เงินที่เป็นส่วนซื้อความสุขแม่ แม่กับพ่อต้องเก็บไว้ใช้อย่ามาเอา ไม่มีมรดกให้ ให้เค้าหาเอง เค้าเข้าใจเราก็ไม่ได้พึ่งเค้า เค้าก็ไม่ต้องมาให้แม่ แม่ขอมีเงินส่วนที่แม่ดูแลตัวเอง
มีอะไรอยากจะบอกคนที่มีงานประจำ แล้ววันนึงต้องถึงคิวที่ต้องโดนออก?
"ต้องหาอะไรทำ อย่าทำอาชีพเดียว หาอะไรก็ได้ อย่างหลายคนก็ทำงานปักตะกร้า ถือเป็นค่ากับข้าว กะปิน้ำปลาก็ว่ากันไป หาอาชีพเสริมหน่อย"