ปค. สรุปยอดพลเรือนเสียชีวิต 13 ราย เจ็บ 31 ราย ตี 4 ครึ่งได้ยินเสียงปืนจากกัมพูชา
กรมการปกครอง สรุปสถานการณ์ชายแดน มีเสียงปืนจากฝั่งกัมพูชาตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง ก่อนที่ 8 โมง จะเปิดฉากยิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ส่วนยอดพลเรือนเสียชีวิตยังอยู่ที่ 13 ราย บาดเจ็บรวม 31 ราย
วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 กรมการปกครองสรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้
- เวลา 04.30 น. รับรายงานได้ยินเสียงปืนจากฝั่งกัมพูชา ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
- เวลา 04.40 น. และเวลา 06.00 น. รับรายงานได้ยินเสียงใหญ่จากฝั่งกัมพูชา ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
- เวลา 06.40 น. กระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาตกใส่บ้านประชาชนใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้รับความเสียหาย ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
- เวลา 08.00 น. กองทัพกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงจรวด BM-21 เข้าใส่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
ตัวเลขผู้เสียชีวิต (พลเรือน) ยอดสะสม 13 ราย (24-27 กรกฎาคม 2568)
จ.ศรีสะเกษ 8 ราย
จ.สุรินทร์ 4 ราย
จ.อุบลราชธานี 1 ราย
ตัวเลขผู้บาดเจ็บ รวม 31 ราย (24-27 กรกฎาคม 2568)
จ.ศรีสะเกษ 15 ราย
จ.สุรินทร์ 11 ราย
จ.อุบลราชธานี 3 ราย
จ.บุรีรัมย์ 2 ราย
ยอดการอพยพสะสม รวมศูนย์พักพิง 489 แห่ง ผู้อพยพ 161,537 คน (24-26 กรกฎาคม 2568)
จ.ศรีสะเกษ
- ศูนย์พักพิง 265 แห่ง
- ผู้อพยพ 62,691 คน
จ.สุรินทร์
- ศูนย์พักพิง 122 แห่ง
- ผู้อพยพ 53,312 คน
จ.อุบลราชธานี
- ศูนย์พักพิง 68 แห่ง
- ผู้อพยพ 17,426 คน
จ.บุรีรัมย์
- ศูนย์พักพิง 1 แห่ง
- ผู้อพยพ 20,159 คน
จ.สระแก้ว
- ศูนย์พักพิง 15 แห่ง
- ผู้อพยพ 3,854 คน
จ.ตราด
- ศูนย์พักพิง 15 แห่ง
- ผู้อพยพ 3,786 คน
จ.จันทบุรี
- ศูนย์พักพิง 3 แห่ง
- ผู้อพยพ 309 คน
ทั้งนี้ อปค. ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก.ปค. สั่งการด่วน 7 เรื่องสำคัญ พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ป้องอธิปไตย ดูแลความปลอดภัยประชาชน ดังนี้
1. ปรับแผนสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน
- จังหวัดชายแดน 7 จังหวัด ให้แจ้งจังหวัดพิจารณาปรับแผนการสั่งการใช้ในภาพรวมของจังหวัด โดยพิจารณาปรับกำลังพลมาสนับสนุนภารกิจในพื้นที่ชายแดน
- ให้ สน.อส. พิจารณาความจำเป็น หากต้องมีการนำกำลังพลจากจังหวัดตอนในไปสนับสนุนจังหวัดชายแดนหรืออำเภอชายแดน ให้เตรียมแผนดำเนินการภายในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
2. เตรียมความพร้อมศูนย์พักพิง/ศูนย์อพยพในพื้นที่ชายแดน เร่งดำเนินการสำรวจตรวจสอบอำเภอต่างๆ ในการเตรียมความพร้อม
3. สำรวจความพร้อมของยุทโธปกรณ์และยุทธภัณฑ์ที่มีอยู่ในพื้นที่ของกำลังพล อส. และ ชรบ.
4. ธำรงการสื่อสาร และตรวจสอบความพร้อมให้ใช้งานได้ตลอดเวลา รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ตลอดเวลา
5. รวบรวมความต้องการใช้งบประมาณในพื้นที่ชายแดน โดยพิจารณาจัดสรรงบประมาณหรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน
6. ติดตาม เผยแพร่ผลการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครองอย่างต่อเนื่อง หากมีข้อสำคัญเร่งด่วน ใช้เพจกรมการปกครองในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์หลัก
7. เร่งลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด ตามแนวทางการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง
ในส่วนของการดำเนินการของ ปค. จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กรมการปกครอง (ส่วนหน้า จันทบุรี) หรือ ศบ.ทก.ปค. ส่วนหน้า จันทบุรี ณ ศูนย์สื่อสารกรมการปกครองเขต 5 (จันทบุรี) จังหวัดจันทบุรี เป็นสถานที่ปฏิบัติการชั่วคราว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ปค. สรุปยอดพลเรือนเสียชีวิต 13 ราย เจ็บ 31 ราย ตี 4 ครึ่งได้ยินเสียงปืนจากกัมพูชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "การบินไทย" แจ้งปรับการให้บริการเที่ยวบิน กรุงเทพฯ–พนมเปญ ช่วง 27–31 ก.ค.
- ปธน.ฟิลิปปินส์พร้อมช่วย ไทย-กัมพูชา ลดความตึงเครียด-ฟื้นฟูสันติภาพ
- กองทัพภาค 1 เผย ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงจรวด BM-21 เข้าใส่ "ปราสาทตาเมือนธม"
- ปค. สรุปยอดพลเรือนเสียชีวิต 13 ราย เจ็บ 31 ราย ตี 4 ครึ่งได้ยินเสียงปืนจากกัมพูชา
- กัมพูชาชื่นชมบทบาททรัมป์ หลังไทยยอมรับข้อเสนอหยุดยิง หวังไม่เปลี่ยนใจอีกครั้ง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath