โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้

ทันหุ้น

อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

#ทันหุ้น - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในลักษณะ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.35-32.51 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกัน ของเงินดอลลาร์

ทั้งนี้ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะพอได้แรงหนุนบ้าง จากการอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR) ในช่วงแรก ทว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ก็ถูกชะลอด้วย รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาผสมผสาน โดยยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) เดือนมิถุนายน กลับปรับตัวลดลงสู่ระดับ 7.437 ล้านตำแหน่ง แย่กว่าที่ตลาดคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ (เดิมตลาดให้โอกาสราว 75% เพิ่มขึ้นเป็น 85%) แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย Conference Board ในเดือนกรกฎาคม จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 97.2 จุด ดีกว่าคาดชัดเจน ก็ตาม นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า ตามการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำจากโซนแนวรับระยะสั้น ตามจังหวะการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้

บรรยากาศตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ท่ามกลางรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาน่าผิดหวัง (ผู้เล่นในตลาดยังคงรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่) อีกทั้ง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ออกมาผสมผสาน ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.30%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์สูงขึ้น +0.29% แม้จะเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงหนักของ Novo Nordisk -23% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้และผลกำไร ทว่า ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรมการบิน-ทหาร ท่ามกลางความหวังว่า ข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐฯ อาจส่งผลประโยชน์กับกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.32% หลังรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับของสหรัฐฯ ล่าสุด ปรับตัวลดลงและออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อนึ่ง เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นได้ชัดเจนอีกครั้ง (หรืออาจจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง) ในช่วงสัปดาห์ต้นเดือนสิงหาคมที่ตลาดจะรับรู้ แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ หลัง Risk-Reward มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโซน 4.40%-4.50% สำหรับบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ (สามารถเน้นทยอยซื้อ Buy on Dip ได้)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แม้จะได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR) ทว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ทำให้ เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวแถวระดับ 98.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.6-99.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง สู่โซน 3,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 1.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันพฤหัสฯ โดยเราประเมินว่า คณะกรรมการ FOMC ส่วนใหญ่ อาจมีมติเห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25-4.50% เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ให้รอบด้าน ขณะเดียวกันภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตลาดแรงงานก็ยังคงสดใสอยู่ ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งรีบลดดอกเบี้ย ทว่า อาจมีคณะกรรมการ FOMC บางท่าน อาทิ Christopher Waller และ Michelle Bowman ที่อาจสนับสนุนการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยอาจให้เหตุผลว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณชะลอตัวลงชัดเจน ส่วนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจไม่ได้กระทบต่อแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มากนัก นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC อย่าง ยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ในเดือนกรกฎาคม อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 และข้อมูลตลาดบ้าน เป็นต้น

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของเยอรมนี ในเดือนมิถุนายน

ทางฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น ผ่านรายงานยอดค้าปลีกและยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนมิถุนายน โดยข้อมูลดังกล่าวจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 6.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ในช่วงเช้าวันพฤหัสฯ นี้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะ บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Meta และ Microsoft พร้อมรอติดตามแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าอย่างใกล้ชิด ส่วนในฝั่งไทย สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามเช่นกัน

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า แม้เงินบาทจะมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นจากโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่เราคงมองว่า เงินบาทอาจมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ (เน้น ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ) ออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งเฟดก็ยังคงย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ซึ่งภาพดังกล่าวอาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ของเฟด ในปีนี้ ลงบ้าง (จากระดับปัจจุบัน ราว 85%) หนุนให้เงินดอลลาร์มีโอกาสรีบาวด์สูงขึ้น หรือทรงตัวในกรอบ Sideways นอกจากนี้ หากรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ ออกมาสดใสและดีกว่าคาด หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ได้

อย่างไรก็ดี เรายอมรับว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด หากราคาทองคำยังคงสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อย ราคาทองคำ (XAUUSD) ไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังได้ปรับตัวลดลงจนทดสอบโซนแนวรับสำคัญ อย่าง เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน แถวโซน 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นอกจากนี้ เราไม่ปิดโอกาสที่เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า เงินบาทมีความเสี่ยง Two-Way risk ซึ่งปัจจัยชี้ชะตา คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ

เราแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยสถิติในอดีตได้สะท้อนว่า เงินบาท (USDTHB) มีโอกาสผันผวนระดับ +/- 1 SD ได้ราว +0.30%/-0.20% ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้ผลการประชุม FOMC

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.15-32.55 บาท/ดอลลาร์

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ทันหุ้น

Smarter Web ทุ่มอีก 27 ล้านดอลล์ ซื้อ BTC ดันคลังทะลุ 2,000 เหรียญ

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ราคาทองวันนี้เปลี่ยนแปลง 6 ครั้งปรับขึ้น 200 บาท รูปพรรณขายออกที่ 52,050 บาท

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

TLIเดินเข้ากลุ่มEST100ปีที่3 ย้ำบทบาทดำเนินธุรกิจยั่งยืน

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ITC พุ่ง 10% โบรกคาดการณ์ผลงานไตรมาส 2/68

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

‘คลัง’ รายงานยอดจัดเก็บรายได้ 9 เดือน อยู่ที่ 2.04 ล้านล้านบาท พลาดเป้า!!

The Bangkok Insight

“TILOG – LOGISTIX 2025” เสริมแกร่งซัพพลายเชนโลจิสติกส์ ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกให้ธุรกิจไทย

Wealthy Thai

GC และ PE LNG ผนึกกำลังเดินหน้าโครงการใช้พลังงานความเย็น จากก๊าซธรรมชาติเหลวในกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ หนุนเป้าหมาย Net Zero

Wealthy Thai

HL เปิด Pharmax สาขาใหม่ ดันเครือข่ายร้านยาแตะ 68 แห่ง

Wealthy Thai

RT ต้อนรับ APM เยี่ยมชมโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ช่วงอุโมงค์แม่กา จ.พะเยา

Wealthy Thai

SM ส่งพลังน้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา

Wealthy Thai

HFT รุกตลาดมอเตอร์สปอร์ต! ดันแบรนด์ DURO สู่กลุ่มนักแข่ง หนุน Road Racing 2025

Wealthy Thai

UMI Group ชูกลยุทธ์ธุรกิจควบคู่ ESG เดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 เพื่อการเติบโตยั่งยืนในระยะยาว

Wealthy Thai

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...