ส่อง 5 สมรภูมิเลือดทหารไทย ยึดคืนเขมรปักธงไตรรงค์
5 จุดยุทธศาสตร์ สมรภูมิเลือดทหารไทย รอถก GBC เคลียร์ปมเขตพิพาท 4 ส.ค.นี้
หลังการปะทะดุเดือดแบบตายจริงเจ็บจริง ระหว่างทหารไทยกับทหารเขมรทั้งก่อนและหลัง “เส้นตาย” ที่คณะเจรจาหยุดยิงโดยไม่มีมเงื่อนไขเคาะไว้ที่เที่ยงคืนของวันที่ 28ก.ค.68 ที่ผ่านมา ที่แม้ผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ยังคงมีเสียงปืนจากฝั่งเขมรจนถึงเช้าที่ เพจกองทัพบก ทันกระแส ได้มีการแจ้งผ่าน Facebook ประกาศ ปักธงชาติไทย ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก
โดยระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวสถาปนาความมั่นคงได้เรียบร้อย โดยต่อมา ได้มีการพปะหารือระหว่างผู้บัญชาการหน่วยทหารระดับพื้นที่ของทั้งสองประเทศ ที่บริเวณ ช่องจอม จ.สุรินทร์ ที่มีข้อสรุป หยุดยิง , ห้ามยิงต่อประชาชน , หยุดเพิ่มเติมกำลัง , ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง , อำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต , จัดตั้งชุดประสานงานเพื่อแก้ปัญหาฝ่ายละ 4 คน. ทั้งนี้รอหารืออีกครั้งตามผลการประชุม GBC ในวันที่ 4 ส.ค. 2568 ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ทำให้น่าสนใจไปสแกน 5 จุดยุทธศาสตร์ดังกล่าว
ไล่ตั้งแต่ ภูมะเขือ ที่ถือเป็นพื้นที่ปะทะสลับกันรุกรับอย่างหนักอีกจุดหนึ่งมาตั้งแต่วันที่ 26ก.ค. ที่ฝ่ายไทย สามารถยึดคืนได้ และเมื่อคืนที่ผ่านมาทหารเขมรพยายามยึดคืน ภายหลังมีตั้งฐานถาวรบริเวณยอดภู มาตั้งแต่ปี 2551 โดย ภูมะเขือ เป็นพื้นที่รอยต่อไทย-เขมร ที่ยังไม่มีเส้นเขตแดนชัดเจน แต่ฝ่ายเขมรมีการสร้างบันไดและกระเช้าขึ้น-ลง พร้อมมีฐานทหารที่มั่นคงแข็งแกร่งที่ในศึกครั้งนี้ฝ่ายไทยได้ทำลายกระเช้าขึ้นลง
โดยภูมะเขือเป็นภูเขาลูกหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ใกล้เขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ตรงข้ามกับจังหวัดพระวิหารของกัมพูชา และอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ แม้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) จะมีคำพิพากษาเมื่อปี พ.ศ. 2505 ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจน เกี่ยวกับ “พื้นที่โดยรอบ” รวมถึงภูมะเขือ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นเขตพิพาทที่ยังไม่สามารถ ปักปันเขตแดนอย่างชัดเจนได้จนถึงปัจจุบัน
กระทั่ง ในปี 2543 ไทยและกัมพูชาได้ลงนามใน บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการปักปันเขตแดน มีสาระสำคัญว่า “จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่เดิม” และห้ามมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ในพื้นที่ ที่ยังไม่มีการตกลงปักปัน เช่น บริเวณภูมะเขือ โดยภูมะเขือ ถือเป็นจุดสูงข่มที่สามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารได้อย่างชัดเจน ที่สามารถควบคุมทางยุทธวิธี โดยเฉพาะในช่วงปี 2551–2554 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ทหารทั้งสองฝ่ายเคยยกกำลังเข้ายึดพื้นที่และเกิดการปะทะหลายครั้งกระทั่งมาถึงครั้งนี้
ถัดมา “ช่องอานม้า”ที่เมื่อเช้า8โมง ทหารไทยมีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาและร้องเพลงชาติ ที่แม้จะเป็นช่องทางผ่านเข้าออกชายแดนไทยเขมร ที่ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลแต่บริเวณนี้ในช่วงศึกเขมร ก็เกิดเหตุมีการวางทุ่นระเบิดจนเป็นเหตุให้กำลังพลฝ่ายไทยบาดเจ็บ(23ก.ค.)จนกองทัพบก ต้องออกมาประณามเขมร โดยบริเวณนี้ภายหลังพบมีการตั้งหน่วยทหารของเขมร 2 แห่ง ที่ใช้อาวุธปืนใหญ่โจมตีประชาชนคนไทย(24ก.ค.) ทำให้กองทัพไทยใช้ เครื่องบิน F-16 จำนวน 6 ลำ บินไปยิงถล่ม บก.พล.น้อย ส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 จนราบ
ถัดมาเป็น ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ที่ช่วงคืนที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชายังคงความมุ่งมั่น ในการยึดรักษาและพยายามเข้าควบคุมพื้นที่ถึงขนาดมีการใช้ “ทหารของฮุนเซน”เข้ามาปฏิบัติการ โดย ปราสาทตาเมืนธม มีหลายมุมมองทำไมเขมรต้องการ ทั้งจาก นักวิชาการประวัติที่มองมิติ วัฒนธรรม เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ แม้แต่ในเพลงชาติยังพูดถึงการสร้างปราสาทหิน ซึ่งบริเวณนี้ มีข้อตกลง ทหารไทยกับแคมป์กัมพูชาต้องอยู่ห่างตาเมือนธมเท่า ๆ กัน แต่ที่มาเกิดเรื่อง
อาจเป็นการพยายามเรียกร้องดินแดนคืน เพราะตอนนี้ไทยกำลังฝุ่นคลุ้ง ทางตะวันตกติดเมียนมา เราก็กำลังมีเรื่อง อาจมีความพยายามฉวยโอกาส ขณะที่ “นักเคลื่อนไหว”อย่าง “วีระ สมความคิด” เคยระบุว่า เชื่อว่ามีเบื้องหลัง เพราะในช่วงที่รัฐบาลไทยมีความเกี่ยวพันกับอดีตนายกฯ คนหนึ่งที่ พูดถึงผลว่าประโยชน์ในอ่าวไทย และมีการอ้างสิทธิเกาะกูดกระทั่งเขมรมาทวงตาเมือนธม ขู่ยิงทหารไทย ในช่วงที่ผู้นำ2ตระกูลกำลังมีปัญหาเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews