“พล.อ.ณัฐพล” ยันไร้ใบสั่งเจรจากัมพูชา ยึดอธิปไตย-ผลประโยชน์ชาติ
ทำเนียบ 29 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” ยันไร้ใบสั่งเจรจากัมพูชา ยึดเรื่องอธิปไตยและผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก ปัดถูกภาษีทรัมป์มัดคอเลยยอม ย้ำมี 7 เงื่อนไขให้กองทัพไปคุยต่อ รับไม่เชื่อใจกัมพูชาถ้ายิงมายิงกลับ ตอบโต้สมน้ำสมเนื้อ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้นานาชาติเห็นว่าไทย เคารพสังคมโลก
พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงสถานการณ์ไทยกัมพูชา หลังเดินทางไปเจรจาที่ประเทศมาเลเซียว่า ขอให้เชื่อมั่นในฐานะที่ ตนเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก รับผิดชอบวางแผนการ เป็นเสนาธิการทหารบก ไปเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่รับผิดชอบในระดับรัฐบาล การมองจะมองในทุกมิติ และก่อนที่จะเดินทางไปมาเลเซีย ได้ประชุมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผบ.เหล่าทัพว่าเวลาที่รับได้คือ 18:00 น. เมื่อวานนี้ แต่ทุกคนหนักใจเพราะฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามามาก โดยมีเงื่อนไข 7 ประการ ตามที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงไป ในการหยุดยิง แต่เมื่อไปถึงในที่ประชุมทางฝ่ายกัมพูชาขอที่ 24:00 น. ซึ่งก็ถือว่าพอรับได้ แต่ก็ห่วงใยเพราะเป็นเวลากลางคืน อยากให้เข้าใจว่าทำอะไรไม่ได้ทำคนเดียวทำร่วมกับกองทัพ โดยเงื่อนไขที่กองทัพบกขอมามี 6 ข้อ มอบให้แม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 ไปคุย จนกว่าจะได้ข้อยุติจะเข้าสู่เงื่อนไขที่ 7 คือหารือจีบีซี ขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่าเจรจาหยุดยิงไม่ใช่ทุกอย่างจะหยุดแต่ต้องมีการพูดเจรจากันต่อไป แต่การหยุดยิงทำให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจนสูญเสียชีวิต ปัจจุบันประชาชนเสียชีวิต 14 รายบาดเจ็บ 48 ราย ทหารเสียชีวิต 12 รายบาดเจ็บกว่า160 ราย อยากให้จินตนาการบางราย พิการ ขาขาด เป็นกำลังหลักในครอบครัวตนคิดทุกอย่าง เกี่ยวกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น และแตกต่างกับผบ.เหล่าทัพอยากให้สังคมเข้าใจในเรื่องนี้ปัจจุบันมีทั้งประชาชนพลเรือนเสียชีวิต มีทหารเสียชีวิต ก่อนเดินทางไปมาเลเซียก็ได้พูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพเรื่องการยุทธว่าอาจไม่ได้คืบหน้าเร็ว
พลเอกณัฐพลได้ฝาก กระทรวงการต่างประเทศประนามกัมพูชาที่ไม่สนใจเรื่องที่หมายยิงพลเรือนโรงเรียนโรงพยาบาล ตั้งยิงอาวุธหนักไว้ในหมู่บ้านใช้ประชาชนชาวกัมพูชาเป็นโล่ห์ซึ่งถือว่าผิดหลักอนุสัญญาเจนีวา ทุกที่หมายมีกับระเบิด ถือผิดอนุสัญญาออตตาว่า ถ้าตนตกลงใจบอกเราทับให้เดินหน้าต่อไปก็จะมี ลูกน้องขาขาดเพิ่มขึ้น เวลานี้จะเร่งรัดไม่ได้ จะมีทหารขาขาดวันละ 1-2 ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวด ต้องคิดถึงครอบครัวของเขาด้วย
“สื่อมวลชนเอารูปผู้สูญเสียมาให้ดู แต่ละคนรูปร่าง แข็งแรงหน้าตาดีแต่แขนขาดถ้าเป็นลูกเป็นสามีท่านจะรู้สึกอย่างไร แต่ระดับผบ. เหล่าทัพจะไม่คิดแบบนี้ แบบที่ผทคิดไม่ได้ ซึ่งผมต้องคิดถึงทางเลือกว่ามีไหม อย่างน้อยการหยุดยิงมันชะลอความสูญเสียไปได้ แต่หยุดยิงแล้วจะต้องมีเงื่อนไขต่อไปที่ต้องคิดในระดับรัฐบาลหลายมิติ ซึ่งการที่ผมยอมรับร่วมเมื่อวานนี้เพราะเราทำภายใต้นโยบายรัฐบาล ด้านการต่างประเทศและเศรษฐกิจ คือทุกมิติที่ต้องชั่งน้ำหนัก ณ เวลาหนึ่งต้องชั่งน้ำหนักแบบนี้ แต่สัปดาห์หน้าอาจเป็นอีกแบบ ขอให้ทุกคน ไม่ต้องกังวล ” พลเอกณัฐพล กล่าว
พลเอกณัฐพล กล่าวว่า คำนึงถึงความรู้สึกประชาชนในส่วนที่เหลือด้วยที่อยากจะให้ทหารทำอะไรที่มากกว่านี้ นอกจากนี้ห่วงลูกน้องที่เสียชีวิต และต้องยอมรับการตัดสินใจ ณ ปัจจุบันหลังจากนั้นค่อยมาคุยเงื่อนไขกัน เงื่อนไขคือกลไก RBCแบบไม่เต็มคณะ คุยจนกว่าจะได้ข้อยุติถึงเข้า RBC ที่เป็นทางการ หลังข้อตกลงจบก็จะเข้าสู่จีบีซี ซึ่งต้องใช้เวลาและยืนยันได้ว่าไม่ใช่เจรจาหยุดยิงแล้วจะมานั่งกินข้าวด้วยกัน เตะตะกร้อด้วยกันมีการแลกเปลี่ยนการเยือน แต่ต้องระยะหนึ่งซึ่งบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร ยืนยัน รัฐบาลและกองทัพยึดอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติขอให้สบายใจได้
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ ยื่นเงื่อนไขการเจรจา ให้ถอนอาวุธหนัก ออกนอกพื้นที่ เพราะได้ข้อสรุปที่เหมือนข้อเสนอของกัมพูชาทั้งหมด พลเอกณัฐพลกล่าวว่าต้องให้ระดับแม่ทัพไปพูดคุยต่อ ว่าอะไรจะเคลื่อนย้ายอย่างไร กำลังเดิม กำลังเพิ่มเติม ต้องไปลงในรายละเอียดให้กองทัพมีส่วนร่วมในการพูดคุย ถ้าไม่จบก็คือไม่จบ
เมื่อถามว่า การให้กองทัพไปคุยจะจบหรือไม่ พลเอกณัฐพลกล่าวว่าไม่จบก็ไม่จบอาจจะยิงกันใหม่ได้ ยืนยันไม่ใช่เรื่องภาษีทรัมป์มัดคอไว้อยู่ จึงได้ยอมแต่พิจารณาทุกเรื่อง อยากพูด ให้เข้าใจไม่ใช่มองมุมเดียวแล้วกล่าวหา พยายามตั้งใจให้ดีที่สุดแล้ว คิดทุกอย่าง
เมื่อถามว่าเชื่อใจกัมพูชาในข้อตกลง หยุดยิงหรือไม่เพราะขณะนี้ยังคงมีความเคลื่อนไหวรัฐมนตรีช่วยกลาโหมยอมรับว่าไม่ได้เชื่อ ต้องมีสิ่งพิสูจน์ เมื่อวานก็บอกตามตรงว่าอยากได้ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ ทั้งนี้ต้องให้กองทัพ ไปพูดคุยและดูว่ามีการดำเนินการตามนั้นหรือไม่และให้รายงานมาว่าไม่ทำตามข้อตกลง มันเป็นกระบวนการในการที่จะมอบความรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบตนเชื่อใจถึงแม้จะนำ 6 ข้อมาพูดคุยตรงนั้น กลับมาอาจจะมีทั้ง กองทัพและประชาชน ส่วนที่พอใจและไม่พอใจ จึงให้กองทัพไปคุยกัน
เมื่อถามว่า ข้อสังเกตที่ฝ่ายการเมือง เจรจาให้หยุดยิงกันแต่ฝ่ายทหาร ยังตกลงไม่ได้แล้วไม่ปฏิบัติตาม พลเอกณัฐพงษ์บอกว่าก็คงต้องอยู่กันอย่างนี้ต่อไป ยิงมาก็ยิงไป เมื่อเช้าก็อนุญาตไปแล้วว่าถ้าเขายิงมาเราก็ให้ยิงไป ตอบโต้กันไปขณะที่ เรื่องการปรับกำลัง ต้องให้ทางกองทัพไปพูดคุยต่อแล้วย้ำว่าเป็นการพูดคุยแบบมีเงื่อนไขให้แม่ทัพคุยกันไปเรื่อยๆถ้าไม่รู้เรื่องก็คุยกันต่อไปถ้ายิงมาก็ยิงตอบโต้ไปก็ทำทั้งสองอย่าง
“ถ้าไม่เจรจาหยุดยิงจะแรงกว่านี้ เป็นการยิงด้วยปืนเล็กอาวุธที่ไม่ใหญ่ ถ้ามีการใช้จรวดหลายลำกล้อง BSL03 หรือฝ่ายเรามีการใช้กำลังกองทัพจะถือเป็นการละเมิดที่ทำให้นานาชาติเขาเห็นแต่ถ้าเมื่อเขาใช้เราก็จะไม่หยุด จะมีการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อสมเหตุสมผล แสดงเจตนารมณ์ให้นานาชาติเห็นว่าประเทศไทย เคารพในสังคมโลกตามกฎหมายระหว่างประเทศแต่ต้อง เป็นขั้นตอนไปวันนี้แบบนี้พรุ่งนี้เป็นอีกแบบนึงก็ได้ ขอให้เข้าใจว่าเราไม่ได้ไปเกี้ยเซี๊ยกับใครทั้งสิ้น ยึดหลักผลประโยชน์ของชาติ
เมื่อถามว่ามีใบสั่งหรือไม่ พลเอกณัฐพลหล่าวว่า ไม่มีใบสั่งคนอย่างผมไม่ได้สนใจว่าต้องมาเติบโตทางการเมืองสื่อบางคนก็รู้อยู่แล้วพอจบภารกิจไม่ให้ทำตนก็กลับบ้าน มีความสุขไม่ต้องมาเจอคนด่าแบบนี้ ถ้ายังอยู่ก็ทำให้ดีที่สุดคิดถึงผลประโยชน์ของชาติ ตนไม่สนใจเรื่องใบสั่งจะเอาเกียรติยศตนมาแลกทำไม เป็นทหารมาทั้งชีวิต คิดว่าเพียงพอแล้วไม่ต้องเป็นห่วง การที่ยืนตอบนานๆเพื่อให้สื่อข้าใจและจะได้ทำความเข้าใจกับสังคม ทั้งนี้ทราบว่าอาจจะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ
สำหรับประชาชนในพื้นที่ควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรพลเอกณัฐพล กล่าวว่า ให้ฟังกระทรวงมหาดไทย ที่จะคอยมาดูแลพี่น้องประชาชนซึ่งจะร่วมประเมินสถานการณ์กับกองทัพ ซึ่งตอนแรกหากมีการหยุดยิงอย่างชัดเจน กระทรวงมหาดไทยคงเคลื่อนย้ายประชาชนกลับแต่ถ้าเป็นในลักษณะนี้คงรอสักระยะ กระทรวงพาณิชย์กระทรวงการคลังก็จะดูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ตนได้เรียนให้รัฐบาลดูแลด้วยไม่ใช่ปล่อยให้กองทัพหรือกระทรวงกลาโหมดำเนินการแต่เพียงลำพัง ให้กระทรวงอื่นมาช่วยด้วย
“ต้องขออภัยจริงๆเมื่อวานตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนกระทั่งกลับมาดัชนีความสุขผมไม่มีเลย กลับมาถึงดอนเมืองไปพบผู้ช่วยทหาร สูงสุดและ ผบ.เหล่าทัพว่าถ้ามันออกอย่างนี้จะทำยังไง ซึ่งได้ช่วยให้ความเห็น ร่วมกันเพื่อไปดำเนินการต่อ” พลเอกณัฐพล กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย