โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

Fantastic 4 ภาคไหน โดนเด่นเรื่องอะไร มัดรวมไว้ให้แล้ว!

The MATTER

อัพเดต 25 ก.ค. เวลา 05.45 น. • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Entertainment

The Fantastic Four: First Steps การเริ่มต้นครั้งใหม่ของแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่ระดับตำนาน กับกลับมาของเหล่าครอบครัวแฟนแทสติก 4 พร้อมบทบาทสำคัญในจักรวาลมาร์เวลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คราวนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้กับวายร้ายธรรมดา แต่เป็นการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ท้าทายระดับจักรวาล ถือเป็นอีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่ที่แฟนหนังตั้งตารอมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้

หากแต่นึกย้อนดู ครอบครัวแฟนแทสติก 4 ก็ได้มีเป็นหนังมาแล้วกว่า 4 เวอร์ชั่น นับตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกอย่าง The Fantastic Four (1994) ซึ่งนับเป็นปฐมบทการออกจากคอมมิคมาสู่โลกภาพยนตร์ครั้งแรกของครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่นี้ แม้ตัวภาพยนตร์จะทำเสร็จเรียบร้อย ทว่าด้วยเหตุผลด้านลิขสิทธิ์ จึงทำให้ตัวหนังไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์นั่นเอง

อย่างไรก็ดี อีก 3 เวอร์ชั่นที่ได้ไปต่อบนโลกภาพยนตร์ ก็ล้วนมีความพิเศษและจุดเด่นเฉพาะตัวที่สะท้อนภาพของครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่แห่งจักรวาลมาเวลแตกต่างกันออกไป จนทำให้ทั้ง 3 เวอร์ชั่น ต่างก็สามารถสร้างภาพจำของแฟนแทสติก 4 ในแต่ละยุคสมัยให้แก่แฟนๆ ได้จนถึงทุกวันนี้

แล้วเวอร์ชั่นไหนโดดเด่นเรื่องอะไร แต่ละยุคสมัยแตกต่างกันอย่างไร The MATTER จึงขอพาทุกคนย้อนกลับไปดูเรื่องราวเบื้องหลังของเหล่าครอบครัวแฟนแทสติก 4 จากหนังแต่ละภาคกัน

Fantastic Four (2005)

โทนเรื่องสนุกสนาน เบาสมอง เน้นการสร้างความสัมพันธ์ในทีม

แฟนแทสติก 4 ซึ่งถือเป็นซูเปอร์ฮีโร่รูปแบบครอบครัวเรื่องแรกของมาร์เวล (Marvel) เมื่อมาปรากฏในรูปแบบหนัง แถมยังถือเป็นปฐมบทของซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้บนจอเงิน โทนหนังจึงเน้นไปที่ความสนุกสนาน เบาสมอง มีฉากแอ็กชั่นตามสไตล์หนังฮีโร่ แต่ก็แฝงไปด้วยมุกตลก และตอกย้ำความเป็นครอบครัวของแฟนแทสติก 4 ด้วยการให้ความสำคัญไปที่การสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีระหว่างคนในทีมด้วยกันเอง

เสริมความเป็นโรแมนติกเข้าไปในหนัง

ในช่วงยุคต้นทศวรรษ 2000s อันถือเป็นยุคทองของหนังโรแมนติกคอมเมดี้ มีหรือที่หนังซูเปอร์ฮีโร่อย่าง แฟนแทสติก 4 จะไม่หยิบองค์ประกอบความเป็นโรแมนติกมาใส่เสริมเข้าไป เพื่อหวังให้ตัวหนังมีความกลมกล่อมมากขึ้น โดยเน้นไปที่การเย้าหยอกกันระหว่าง รีดส์ ริชาร์ด (รับบทโดย โยอัน กริฟฟิดด์) และ ซู สตอร์ม (รับบทโดย เจสสิก้า อัลบา)

อย่างไรก็ตาม การใส่องค์ประกอบความเป็นโรแมนติกลงไปในหนังก็ได้ทำให้เสียงผู้ชมแตกแยกออกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน ฝั่งหนึ่งรู้สึกว่าฉากเลิฟซีนต่างๆ ช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวหนังและตัวละคร แต่อีกฝั่งกลับมองว่ามันดูไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในหนังเรื่องนี้

ปัจจุบันเป็นแฟรนไชส์เดียวที่มีภาคต่อในปี 2007 ชื่อ Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer

แม้จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในแง่หนึ่ง หนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้ก็สามารถครองใจแฟนฮีโร่ส่วนหนึ่งได้สำเร็จ กระทั่งได้มีภาคต่อออกมาในปี 2007 ในชื่อ Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer ซึ่งเป็นการสานต่อเรื่องราวการต่อสู้กับวายร้ายหน้าเก่าจากภาคแรก พร้อมเสริมทัพความท้าทายของบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ด้วยการมาของวายร้ายระดับจักรวาลตัวใหม่

จากช่วงทศวรรษ 2000s จนถึงปัจจุบัน ภาพยนตร์แฟนแทสติก 4 ในเวอร์ชั่นนี้ จึงเป็นเพียงเวอร์ชั่นเดียวที่มีภาคต่อของตนเอง

ภาพรวมของหนังอ้างอิงจากคอมมิคชัดเจน

ด้วยความที่แฟนแทสติก 4ในยุคนี้ ถือเป็นเป็นการออกมาสู่โลกภาพยนตร์ครั้งแรกของแฟนแทสติก 4 ภาพรวมของหนังจึงมีการอ้างอิงจากในคอมมิคค่อนข้างชัดเจน อย่างในแง่ของตัวละคร ก็ได้มีการใส่ความไม่ค่อยลงรอยกันเล็กๆ ระหว่าง ฮิวแมนทอช (รับบทโดย คริส อีแวน) กับ เดอะ ธิง (รับบทโดยไมเคิล ชิกลิส) ซึ่งเหมือนกับในเวอร์ชั่นคอมมิค จนมันกลายมาเป็นสีสันให้กับตัวหนังในยุคนี้นั่นเอง

Fantastic Four (2015)
โทนเรื่องมีความดาร์กกว่าทั้ง 2 เวอร์ชั่น

Fantastic Four (2015) ถือเป็นเวอร์ชั่นที่มีความแตกต่างจากอีก 2 ภาคอย่างชัดเจน โทนหนังมีความดาร์กและจริงจังกว่า ทั้งโทนสี ฟิลเตอร์ ฉาก กระทั่งบรรยากาศภายในหนัง ทั้งหมดนี้ก็เป็นความตั้งใจของ จอช แทรงค์ (Josh Trank) ผู้กำกับหน้าใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเขาเพิ่งกำกับภาพยนตร์แนวดาร์กไซไฟ อย่าง Chronicle (2012) ไป ทำให้เขานำความดาร์กอันเป็นลายเส้นของตัวเองมาใส่กับหนังซูเปอร์ฮีโร่ในครั้งนี้ด้วย

ตีความเนื้อเรื่องใหม่

นอกจากโทนของหนังที่เปลี่ยนไปแล้ว เนื้อเรื่องของหนังก็ได้ถูกตีความใหม่ด้วยเช่นกัน จากเดิมที่เรามักคุ้นชินกับแฟนแทสติก 4 ด้วยภาพลักษณ์ของความเป็นครอบครัว หรือแม้แต่การที่เหล่าตัวละครจะคอยประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้างและหน้าที่ฮีโร่ ภาพเหล่านี้แทบไม่มีปรากฏอยู่เลยในแฟนแทสติก 4 เวอร์ชั่นนี้ โดยหลังจากได้รับพลังจากรังสีคอสมิค พวกเขาทั้ง 4 ก็ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ เพื่อทำภารกิจให้แก่ทางการรัฐบาล ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ค่อยเห็นมุมของการพัฒนาความสัมพันธ์ภายในกลุ่มได้ชัดเจนมากเท่าอีก 2 เวอร์ชั่น

การออกแบบตัวละครแตกต่างจากเวอร์ชั่นอื่น

โทนเรื่องก็เปลี่ยน เนื้อเรื่องก็เปลี่ยน แน่นอนว่าตัวละครก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ในเวอร์ชั่นนี้ นอกจากความเปลี่ยนแปลงของลักษณะภายนอกของตัวละครที่เห็นกันได้ชัดแล้ว ยังมีการเปลี่ยนภาพรวมของตัวละครทั้งหมดด้วย อย่าง ตัวละครหลักมีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น จนทำให้ภาพลักษณ์ของบางตัวละครเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เช่น รีด ริชาร์ด (รับบทโดย ไมล์ส เทลเลอร์) ก็ไม่ได้แสดงถึงความเป็นเสาหลักของกลุ่มเท่ากับเวอร์ชั่นอื่นๆ อีกทั้ง ตัวของ ซู สตอร์ม (รับบทโดยเคท มาร่า) และ จอห์นนี สตอร์ม (รับบทโดย ไมเคิล บี. จอร์แดน) ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ จึงไปส่งผลต่อความเข้มข้นของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ภายในเรื่องด้วย

The Fantastic Four: First Steps (2025)
ความพยายามครั้งล่าสุดกับการสร้างเหล่าครอบครัวแฟนแทสติก 4ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

The Fantastic Four: First Steps (2025) ถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการสร้างเหล่าครอบครับแฟนแทสติก 4 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เนื่องจากลิขสิทธิ์ของครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่นี้ก็ได้กลับมาอยู่ภายใต้ Marvel Cinematic Universe หรือ MCU อย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้โทนของหนังจะมีความคล้อยตามไปกับคอมมิคอย่างชัดเจน ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันความสนุกและมุกตลกตลอดทั้งเรื่อง ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นแบบถึงเครื่องตามสไตล์มาร์เวล

เล่นกับประเด็นความสมดุลระหว่างครอบครัวและหน้าที่ของซูเปอร์ฮีโร่

การกลับมาสู่จอเงินครั้งนี้ของเหล่าครอบครัวแฟนแทสติก 4 ไม่ใช่เพียงการกลับมาสู่เรื่องราวการต่อสู้กับวายร้ายเฉกเช่นเดิม แต่คราวนี้พวกเขาจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างความเป็นครอบครัวให้ไปต่อได้พร้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของ รีดส์ ริชาร์ด (รับบทโดย เปโดร ปาสคาล) และ ซู สตอร์ม (รับบทโดย วาเนสซา เคอร์บี้) ที่เพิ่งจะมีลูกตัวน้อย พวกเขาต้องทำหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่ ปกป้องภัยร้ายระดับจักรวาล ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่พ่อและแม่ของเด็ก กลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ซึ่งทำให้หนังภาคนี้น่าติดตามต่อไปว่า พวกเขาจะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ได้อย่างไร

ฉากหลังเป็นยุค 1960s ภายใต้แนวคิด Retro Futurism

ในครั้งนี้ MCU ได้วางให้ เรื่องราวของเหล่าแฟนแทสติก 4 เกิดขึ้นในช่วงยุค 1960s ภายในโลกคู่ขนาน Earth-828 ซึ่งหากทุกคนสังเกตจากตัวอย่างหนัง ก็คงเห็นกันแต่แรกแล้วว่าโลกนี้มีความแตกต่างจากโลกของหนังเรื่องอื่นๆ ในจักรวาล MCU พอสมควร ซึ่งทีมงานได้ออกแบบโลกใบนี้ให้มีความแปลกตาไปจากโลกแบบเดิม เพื่อสร้างภาพความแตกต่างของโลกคู่ขนานให้ชัดเจน

ฉากหลังของเมืองและองค์ประกอบภายในภาพยนตร์ครั้งนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Retro Futurism’ เป็นแนวคิดทางศิลปะในช่วงยุค 1960s ผู้คนในช่วงเวลาดังกล่าว มักจินตนาการถึงโลกอนาคตอันแสนล้ำหน้า ส่งผลให้งานศิลปะที่สะท้อนแนวคิดเหล่านี้จึงมีภาพของตึกรูปทรงประหลาด หรือยานพาหนะที่ไม่ควรจะมีอยู่ในยุคนั้น อย่าง รถบินได้ หรือ ยานอวกาศ ปะปนกลมกลืนไปกับเมืองเก่า ราวกับเป็นการผสมผสานกันระหว่างอดีตและอนาคต ซึ่งแนวคิดทางศิลปะนี้ก็ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบเมืองของเหล่าแฟนแทสติก 4 นั่นเอง

เนื้อเรื่องเชื่อมโยงกับ MCU

เมื่อทางมาร์เวลเป็นคนลงมือสร้างแฟนแทสติก 4 ขึ้นมาเอง พวกเขาก็จะต้องได้ไปต่อในจักรวาล MCU อย่างแน่นอน โดยเนื้อเรื่องภายในหนังจะถือเป็นประตูบานสำคัญ ซึ่งจะเปิดไปสู่ Avengers: Doomsday ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ของจักรวาลเรื่องถัดไป และเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์สำคัญของมาร์เวล ที่จะลงจอให้แฟนๆ ได้รับชมกันในปีหน้า หากอ้างอิงตามคอมมิค เหล่าครอบครัวแฟนแทนสติก 4 ก็ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญของอีเวนต์นี้เลยก็ว่าได้

จะเห็นได้ว่า แฟนแทสติก 4ในแต่ละเวอร์ชั่น ต่างก็สะท้อนยุคสมัยที่ตัวหนังถือกำเนิดขึ้นมาอย่างชัดเจน และแม้จะมีความแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละช่วงเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ การพยายามชุบชีวิตเรื่องราวของครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้ให้กลับมาโลดแล่นอยู่บนจออีกครั้ง ไม่เลือนหายไปจากความทรงจำของแฟนๆ

อ้างอิงจาก

Fantasticfourmovies

comicbastards.com

thoughtcatalog.com

screenrant.com

Graphic Designer: Sutanya Phattanasitubon
Editorial Staff: Runchana Siripraphasuk

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The MATTER

โรงเรียนแมวๆ : อธิษฐานแด่...

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คุรุสภา สร้าง ‘ครูจรรยา - ครูบรรณ’ อินฟลูเอนเซอร์ AI เพื่อเป็นแบบอย่างให้ครูทุกคน

14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความบันเทิงอื่น ๆ

ทอมครูซ เปิดตัวเเฟนเด็กออกสื่อครั้งเเรก อายุห่าง 26 ปี ไร้ปัญหา

TeeNee.com

ชัดเจน! มดดำ พูดกลางรายการ หลังมีดราม่าเห็นต่าง ไล่ น็อต วรฤทธิ์ ออก

News In Thailand

ข่าวลือเป็นจริง! บอย ภิษณุ แจงสัมพันธ์ อแมนดา เหลือสถานะ..?

The Bangkok Insight

คนไทยปรบมือรัวๆ หลังหนุ่ม กรรชัย เดือดแรงกลางรายกายเสนอให้ มาลี โฆษกกลาโหมกัมพูชา 2เรื่องถ้ากล้ามาไทย

News In Thailand

แฟนคลับแห่พูดเป็นเสียงเดียว พระเอกคนนี้ตัวจริงโคตรหล่อ

TeeNee.com

ศิลปินหนุ่มอวดบัตรประชาชนใบใหม่ ถ่ายยังไงให้หล่อขนาดนี้เนี่ย

TeeNee.com

อินฟลูเอนเซอร์ดังโต้กรณี “แม่ลิน” วอนให้ช่วยเหลือ

daradaily

ลุกลามใหญ่ มดดำ พูดชัดดราม่าเห็นต่างไล่ น็อต ออกจริงมั้ย ถึงกับลั่นปัญญาอ่อน

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘หน้าร้อนที่ฮิคารุจากไป’ เควียร์และการเติบโตในความแปลกแยก ใต้คราบของคอสมิคเฮอเรอร์

The MATTER

Superman แบกหนังตัวเองไหวไหม? สรุปรายได้และความโดดเด่นของซูเปอร์แมนแต่ละยุค

The MATTER

จากนักแสดงไร้ชื่อ สู่ปรากฏการณ์แห่งฮอลลีวูด ‘เปโดร ปาสคาล’ กับเส้นทางชีวิตที่มีแต่คำว่าพยายาม

The MATTER
ดูเพิ่ม
Loading...