ภาษีทรัมป์ ดันรายได้จัดเก็บภาษีศุลกากรสหรัฐทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์
รอยเตอร์รายงานว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ภายใต้นโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทะลุระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบปีงบประมาณ และช่วยสร้างงบประมาณเกินดุลให้รัฐบาลกลางถึง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน
งบเกินดุลดังกล่าวถือเป็นการพลิกผันจากการขาดดุล 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายนปีก่อน โดยรายได้จากภาษีศุลกากรเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันรายรับรวมของรัฐบาลในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 13% หรือ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำสถิติใหม่ที่ระดับ 5.26 แสนล้านดอลลาร์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายงานว่า ภาษีศุลกากรในเดือนมิถุนายนทำสถิติใหม่ที่ระดับ 2.72 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้สุทธิหลังหักเงินคืนอยู่ที่ 2.66 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับ 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2025 (ตุลาคม 2024-มิถุนายน 2025) รายได้จากภาษีศุลกากรรวมแล้วทะลุระดับ 1.133 แสนล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีก่อนหน้า
ภาษีนำเข้าขึ้นแท่นรายได้หลักของรัฐบาล
จากผลดังกล่าว ภาษีศุลกากรกลายเป็นแหล่งรายได้อันดับ 4 ของรัฐบาลกลางแล้ว รองจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2.683 ล้านล้านดอลลาร์ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ไม่หัก ณ ที่จ่าย 9.65 แสนล้านดอลลาร์ และภาษีเงินได้นิติบุคคล 3.92 แสนล้านดอลลาร์
สัดส่วนรายได้จากภาษีศุลกากรต่อรายได้รวมของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5% จากระดับ 2% ที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ ในช่วงเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ว่า ผลลัพธ์นี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ "กำลังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์" จากวาระภาษีของทรัมป์ โดยระบุว่า "ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทำงานหนักเพื่อเอาอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของชาติกลับคืนมา รายงานงบการคลังประจำเดือนวันนี้แสดงให้เห็นภาษีศุลกากรในระดับสถิติ และไม่มีเงินเฟ้อ!"
ภาระหนี้สาธารณะยังเป็นความท้าทาย
แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังต้องเผชิญกับภาระต้นทุนดอกเบี้ยหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ ต้นทุนดอกเบี้ยหนี้ของกระทรวงการคลังอยู่ที่ระดับ 9.21 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% หรือ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่ารายจ่ายหมวดอื่นๆ ทั้งหมด
อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของกระทรวงการคลังคงที่ที่ระดับ 3.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 2 เบซิสพอยต์จากปีก่อน
แผนเพิ่มภาษี "ตอบโต้" เดือนสิงหาคม
ประธานาธิบดีทรัมป์แถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า "เงินก้อนใหญ่" จะเริ่มไหลเข้ามาหลังจากที่เขาจะประกาศใช้ภาษี "ตอบโต้" ในอัตราสูงขึ้นกับคู่ค้าของสหรัฐฯ ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ทรัมป์ได้ประกาศมาตรการภาษีใหม่ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ภาษีนำเข้าทองแดงและสินค้าจากบราซิลในอัตรา 50% และภาษีสินค้าจากแคนาดาในอัตรา 35% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ขณะที่ฝ่ายบริหารยังเตรียมประกาศภาษีเพิ่มเติมในภาคเซมิคอนดักเตอร์และเภสัชกรรม
คาดรายได้ภาษีอาจถึง 3 แสนล้านดอลลาร์
เบสเซนต์คาดการณ์ว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีศุลกากรในปี 2025 อาจเพิ่มขึ้นถึง 3 แมนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ หากคิดจากอัตราการเติบโตในเดือนมิถุนายน รายได้จากภาษีศุลกากรอาจอยู่ที่ประมาณ 2.765 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
นายเออร์นี เทเดสชี ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ Budget Lab มหาวิทยาลัยเยล วิเคราะห์ว่า อาจใช้เวลาในการเพิ่มรายได้จากภาษีนำเข้าให้เต็มศักยภาพ เนื่องจากธุรกิจและผู้บริโภคพยายามนำเข้าสินค้าล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เมื่อผลกระทบนี้หมดไป และทรัมป์ประกาศใช้ภาษี "ตอบโต้" หลังวันที่ 1 สิงหาคม กระทรวงการคลังอาจจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ทำให้รวมเป็น 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม เทเดสชี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวในสมัยรัฐบาลไบเดน เตือนว่า "มีความเสี่ยงสำคัญที่สหรัฐฯ อาจติดภาษีนำเข้า" และรายได้จากภาษีดังกล่าวอาจลดลงในระยะยาวเมื่อธุรกิจและผู้บริโภคปรับพฤติกรรมการซื้อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการค้าใหม่
ผลลัพธ์นี้มีแนวโน้มจะเสริมมุมมองของทรัมป์ที่มองภาษีนำเข้าเป็นทั้งแหล่งรายได้ที่มีกำไร และเครื่องมือในการบังคับใช้นโยบายต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวกับการค้า
อ้างอิง: รอยเตอร์