“ท็อป-ไทด์” สรุปยอดบริจาคทะลุ 30 ล้านบาท
“ท็อป-ไทด์”สรุปยอดบริจาคทะลุ 30ล้านบาท
เพจ“ต้น ปราการ” รายงานข่าวว่า ฮีโร่คนบันเทิง “เอกพันธ์”หรือ “ไทด์ บรรลือฤทธิ์”เจ้าของโครงการ สัญญาไม่ทิ้งกัน วิ่งเพื่อบ้านสุขสุดท้าย 2เดินทางมายังสถาบันการเงินแห่งหนึ่งสาขาศาลายา ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อขอปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ของ #โครงการสัญญาไม่ทอดทิ้งวิ่งเพื่อบ้านสุขสุดท้าย
อ่านข่าวต่อ: ความในใจ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” มีลางฝันร้ายก่อนสร้อยทองคำหาย
และตรวจสอบยอดเงินบริจาคของโครงการ ซึ่งมีสักขีพยานหลายคน มาร่วมลุ้นและเฝ้ารอการรายงานยอดเงินบริจาคดังกล่าว และทันที่ทางด้าน เจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้ทำการปิดบัญชี และสั่งจ่ายเช็ดเคลียริ่งระบุชื่อ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์”ซึ่งยังไม่มีใครทราบยอดเงินทั้งหมด กระทั่งมาเปิดเผยต่อสักขีพยานและทีมงานกว่า30คน โดยบิณฑ์ ได้เป็นผู้ประกาศยอดเงินทั้งหมด เป็นเงิน 19,435051บาท ทำให้ทั้งคุณไทด์ เอกพัน และทีมงานต่างพากันเฮลั่นด้วยความดีใจ
ขณะที่บิณฑ์ ยังแจ้งอีกว่ายังมียอดเงินบริจาคที่มีผู้ใจบุญบริจาคผ่านบัญชีของตนเองอีก 10,500,000บาท ที่จะนำเข้าสู่โครงการ รวมเป็น เงิน 30ล้านบาท
“ไทด์ เอกพัน”เปิดใจบอกว่า หลังจากที่โครงการ สัญญาไม่ทอดทิ้ง วิ่งเพื่อบ้านสุขสุดท้าย นี้ เกิดขึ้นมา เป็นการออกวิ่งจากกรุงเทพสู่จังหวัดอุบลราชธานี ในระยะทางรวม 600กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 17พ.ค. 68ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาวิ่ง 30วัน เพื่อหวังนำเงินบริจาคทั้งหมดไปสร้างบ้านสุขสุดท้ายหลังที่สอง ที่จะต้องใช้เงินในการก่อสร้างอย่างน้อย 20ล้านบาท
เพื่อรับดูแลผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งหรือไม่มีใครดูแลนำเข้ามาดูแลในบ้านสุขสุดท้ายจนถึงวาระสุดท้ายของผู้สูงอายุเหล่านั้น และหากบ้านสุขสุดท้ายสำเร็จก็จะสามารถรองรับผู้สูงอายุได้ถึง 60-70ท่าน
ซึ่งที่ผ่านมาของโครงการเงินทุกบาททำทุกสตางค์ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆและไม่มีการเบิกเงินอกมาจากบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งรวมไปถึงเงินสดที่ได้จากการจัดกิจกรรมและตามเส้นทางทุกบาททุกสตางค์มีการรวบรวมเข้าบัญชีของโครงการทั้งหมดจนกระทั่งมาทราบยอดเงินในบัญชีในวันนี้พร้อมกัน ตนเองรู้สึกดีใจและหายเหนื่อยกับสิ่งที่ตั้งใจทำเพื่อให้คนสูงอายุเหล่านี้ได้มีพักมีคนดูแลในบั้นปลายของชีวิต ทั้งนี้ต้องขอบคุณผู้ใจบุญที่มีส่วนร่วมทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
“บิณฑ์” กล่าวว่า
“ก่อนอื่นต้องขอบคุณผู้ใจบุญทุกท่านที่ร่วมกันสร้างบ้านสุขสุดท้ายหลังนี้จนสำเร็จ โดยเงินทั้งหมดจะรวบรวมนำไปกอ่สร้างบ้านให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะมีกำหนดวางศิลากฤษ์ช่วงเดือนกันยายนนี้ และจะเริ่มก่อสร้างทันที
คาดว่าใช้เวลาในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จและสามารถเปิดอย่างเป็นทางการหลังจากนี้อีก 1ปี ทั้งนี้ตนเองยังได้รับการติดต่อจากผู้ใจบุญท่านหนึ่งชื่อว่าคุณวาสนา ติดต่อแจ้งความประสงค์จะร่วมบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์และสิ่งของจำเป็นต้องใช้อีกเป็นจำนวนเงิน 30ล้านบาท หากยืนยันเป็นเรื่องจริงและมีการบริจาคเข้ามาตนเองจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง หลังจากนี้จะเดินหน้าดูแลผู้สูงอายุ พระภิกษุสงฆ์ รวมถึงคนในวงการบันเทิง ที่ ไม่มีญาติพี่น้องดูแลหรือถูกทอดทิ้งจะได้รับมาอยู่ในบ้านสุขสุดท้ายนี้”