ราคาน้ำมันดิบ ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ห่วงศก.สหรัฐ จีน
รอยเตอร์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงในวันศุกร์ (25 ก.ค.) และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับข่าวเศรษฐกิจเชิงลบจากสหรัฐฯ และจีน รวมถึงสัญญาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
การลดลงของราคาน้ำมันดิบถูกจำกัดด้วยความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ อาจช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและความต้องการน้ำมันในอนาคต
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 74 เซนต์ หรือร่วง 1.1% ปิดที่ 68.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (ราคาน้ำมันWTI) ของสหรัฐฯ ร่วงลง 87 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 65.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของราคาน้ำมันเบรนท์นับตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม และ WTI นับตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน โดยราคาน้ำมันเบรนท์ลดลงประมาณ 1% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ WTI ร่วงลงประมาณ 3%
นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป จะเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ที่สกอตแลนด์ เจ้าหน้าที่และนักการทูตสหภาพยุโรปกล่าวว่า พวกเขาคาดว่าจะบรรลุกรอบข้อตกลงการค้าในสุดสัปดาห์นี้
ข้อมูลจำนวนมากในวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงมีความต้านทานดีต่อความไม่แน่นอนที่แผ่ขยายจากสงครามการค้าโลก ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรปดูเหมือนจะโน้มเอียงไปตามการคาดการณ์ของตลาดที่ว่าธนาราคารกลางจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ที่สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าทุนที่ผลิตในสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนมิถุนายน ขณะที่การจัดส่งผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง ซึ่งบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายด้านอุปกรณ์เครื่องจักรของภาคธุรกิจชะลอตัวลงอย่างมากในไตรมาสที่สอง
ทรัมป์กล่าวว่า การพบปะกับเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ผลดีอย่างยอดเยี่ยม และมีความรู้สึกว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของผู้บริโภค และสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมันได้
ที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รายได้เข้าคลังลดลง 0.3% ในช่วงหกเดือนแรกเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กระทรวงการคลังกล่าว โดยยังคงรักษาอัตราการลดลงที่เห็นได้ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม
แหล่งข่าวกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าสหรัฐฯ กำลังเตรียมที่จะอนุญาตให้พันธมิตรของบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา (PDVSA) เริ่มต้นจากบริษัทน้ำมันใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Chevron บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯให้สามารถดำเนินธุรกิจภายในประเทศที่ถูกคว่ำบาตรนี้ โดยต้องอยู่ภายในใต้เงื่อนไขบางประการ
สิ่งนี้อาจช่วยเพิ่มการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาได้กว่า 200,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) เล็กน้อย ซึ่งเป็นข่าวที่โรงกลั่นของสหรัฐฯ ยินดี เนื่องจากจะช่วยผ่อนคลายความตึงตัวในตลาดน้ำมันดิบประเภทที่มีความหนาแน่นสูง (heavier crude) นักวิเคราะห์ของธนาคาร ING ระบุ
อิหร่านกล่าวว่าจะยังคงเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับมหาอำนาจยุโรปต่อไป หลังจากการหารือที่ “จริงจัง ตรงไปตรงมา และละเอียดถี่ถ้วน” ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการพบปะแบบตัวต่อตัวครั้งแรกนับตั้งแต่อิสราเอลและสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดอิหร่านเมื่อเดือนที่แล้ว
เวเนซุเอลาและอิหร่านเป็นสมาชิกขององค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) ข้อตกลงใดๆ ที่นำไปสู่การเพิ่มปริมาณน้ำมันของประเทศที่ถูกคว่ำบาตรที่สามารถส่งออกได้ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบที่มีจำหน่ายในตลาดโลก
โอเปกกล่าวว่า คณะกรรมการร่วมติดตามระดับรัฐมนตรี (JMMC) ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันจันทร์นี้ แต่คณะนี้ไม่มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับระดับการผลิต
ผู้แทนโอเปกพลัส 4 คน กล่าวว่า คณะกรรมการโอเปกพลัสจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งหน้า โดยระบุว่ากลุ่มผู้ผลิตมีความกระตือรือร้นที่จะแย่งส่วนแบ่งตลาดคืน ขณะที่ความต้องการในช่วงฤดูร้อนกำลังช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกิน โอเปกพลัสประกอบด้วยโอเปกและพันธมิตรอย่างรัสเซีย
ในรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา การส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือทางตะวันตกของประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.77 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม ลดลงจาก 1.93 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม ตามการคำนวณของรอยเตอร์จากข้อมูลจากสองแหล่ง
บริษัทพลังงานในสหรัฐฯ ลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ดำเนินการในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 12 ในรอบ 13 สัปดาห์ บริษัท Baker Hughes ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านพลังงาน เปิดเผยในรายงานที่ติดตามอย่างใกล้ชิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา