ญี่ปุ่น เปิดคูหาเลือกตั้งวุฒิสภา จับตารัฐบาลลุ้นรักษาเสียงข้างมาก ท่ามกลางแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่น เปิดคูหาเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.ค. 2568) โดยมีผู้สมัครรับเลือกตั้งรวมทั้งสิ้น 522 คน เข้าชิงชัยในสนามการเมืองที่เต็มไปด้วยการแข่งขันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ท่ามกลางความคาดหวังของตลาดต่อเสถียรภาพทางการเมืองในระยะถัดไป
เลือกตั้งชี้ชะตาเสถียรภาพรัฐบาลอิชิบะ
รายงานจากสำนักข่าวเกียวโดระบุว่า วุฒิสภาญี่ปุ่นมีสมาชิกทั้งหมด 248 คน โดยมีการเลือกตั้งทุก 3 ปี เพื่อคัดเลือกสมาชิกครึ่งหนึ่ง หรือ 124 คนในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งรอบนี้มีการเพิ่มอีก 1 ที่นั่ง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง รวมเป็น 125 ที่นั่ง
พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และพรรคโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มีจำนวน ส.ว. ที่ยังไม่ครบวาระรวม 75 ที่นั่ง ส่งผลให้ต้องชนะเลือกตั้งอีกอย่างน้อย 50 ที่นั่งในครั้งนี้ เพื่อรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภา
แม้จำนวนดังกล่าวจะดูไม่สูงเมื่อเทียบกับฐานเสียงเดิมของรัฐบาลผสม แต่การรักษาความได้เปรียบในสภากลับไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากคะแนนนิยมที่ลดลงต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อ และผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
แนวโน้มเสถียรภาพทางการเมืองอยู่ภายใต้ความเสี่ยง
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ฝ่ายรัฐบาลเพิ่งสูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสภาที่มีอำนาจสูงสุดในระบบรัฐสภาของญี่ปุ่น ส่งผลให้รัฐบาลอิชิบะต้องบริหารงานในฐานะรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี สถานการณ์ดังกล่าวทำให้การเลือกตั้งวุฒิสภาครั้งนี้เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญต่อความมั่นคงของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นวิเคราะห์ว่า หากรัฐบาลไม่สามารถรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้สำเร็จ อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรีอิชิบะ และเพิ่มความท้าทายในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ประเทศยังต้องรับมือกับปัจจัยภายนอกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ผลสำรวจสะท้อนกระแสเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
ผลสำรวจความคิดเห็นก่อนวันเลือกตั้งสะท้อนว่า พรรคฝ่ายค้านขนาดเล็กและกลุ่มการเมืองหน้าใหม่มีแนวโน้มได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้น โดยตลอดช่วงหาเสียง 17 วันที่ผ่านมา ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้น อาทิ นโยบายลดภาษีบริโภค และ นโยบายเกี่ยวกับแรงงานต่างชาติ ซึ่งสอดคล้องกับข้อกังวลทางเศรษฐกิจของประชาชนในภาวะค่าครองชีพสูง
ทั้งนี้ ตลาดการเงินและนักลงทุนต่างชาติยังคงจับตาผลการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะเป็นปัจจัยชี้วัดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของญี่ปุ่นในระยะกลาง รวมถึงความสามารถของรัฐบาลในการประคองเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของตลาดในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้
ที่มา : infoquest.co.th