โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25 ส.ค.68 ‘แข็งค่า‘ ดอลลาร์อ่อนค่า-ทองขึ้น

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETSธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า "ค่าเงินบาทวันนี้"เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.64 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.00-32.75 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.41-32.67 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งมาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นแรงของราคาทองคำ หลังผู้เล่นในตลาดต่างตีความถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงาน Jackson Hole Symposium ว่าอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าประธานเฟดพร้อมสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC เดือนกันยายน ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินโอกาสราว 17% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และมั่นใจว่า เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า (ตลาดเริ่มให้โอกาสราว 7% ที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 4 ครั้ง ในปีหน้า)

แนวโน้มเงินบาท

เรายอมรับว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทได้มีกำลังมากขึ้น ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หลังผู้เล่นในตลาดตีความถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ว่าอาจมีการส่งสัญญาณพร้อมสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของเฟด (โดยเฉพาะในการประชุม FOMC เดือนกันยายน)

เรากลับมองว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชี้ชัดต่อการลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดประเมินและตัวแปรสำคัญยังคงอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง การจ้างงานเดือนสิงหาคม ซึ่งจะรับรู้ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk

(เคลื่อนไหวได้ทั้งด้านอ่อนค่าและแข็งค่า) ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดซึ่งจะขึ้นกับ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด นับจากวันนี้ จนเข้าใกล้การประชุม FOMC เดือนกันยายน (รับรู้วันที่ 18 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย)

นอกเหนือจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เรายังคงมองว่า การเคลื่อนไหวของทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และราคาทองคำ จะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเงินบาทพอสมควร เนื่องจากในช่วงนี้ ทั้งสองสินทรัพย์ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทมาก

นอกจากนี้ ควรติดตามสถานการณ์การเมืองไทย ที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงิน โดยความวุ่นวายของการเมืองไทย หลังรับรู้ผลการวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร โดยศาลรัฐธรรมนูญ อาจกระทบต่อฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติและสร้างความผันผวนให้กับเงินบาทได้ อนึ่ง ในกรณีที่เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาท (USDTHB) ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทมีการอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 32.65-32.70)

อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (หรืออ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน)

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นบ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ในกรณีที่ รายงายข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาสดใสและอัตราเงินเฟ้อ PCE ปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาด

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หลังรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดในงาน Jackson Hole Symposium กดดันให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงท้ายสัปดาห์

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรอลุ้นการวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯแพทองธาร ชินวัตร โดยศาลรัฐธรรมนูญ

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนกรกฎาคม รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) ในเดือนสิงหาคม และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดได้ โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 17% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และมั่นใจว่า เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า (ตลาดเริ่มให้โอกาสราว 7% ที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 4 ครั้ง ในปีหน้า) และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ รายงานผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศตลาดการเงินและการเคลื่อนไหวของหุ้นธีม AI/Semiconductor ได้อย่างมีนัยสำคัญ

▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) เดือนสิงหาคม และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ของยูโรโซน โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า ECB มีโอกาสราว 36% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 25bps 1 ครั้ง ในปีนี้

▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของพื้นที่กรุงโตเกียว ในเดือนสิงหาคม รวมถึงยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนกรกฎาคม โดยล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOJ มีโอกาสราว 70% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps อีก 1 ครั้ง ในปีนี้ ส่วนในฝั่งธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) นั้น บรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า BOK อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ขณะที่ ทางฝั่งธนาคารฟิลิปปินส์ (BSP) นักวิเคราะห์มองว่า BSP อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม 25bps สู่ระดับ 5.00% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ

▪ ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการพิจารณาคดีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร โดยศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 สิงหาคม นี้ ซึ่งอาจสร้างนำไปสู่ความวุ่นวายของการเมืองไทยในระยะสั้น โดยเฉพาะในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกฯ ของนายกฯ แพทองธาร สิ้นสุดลง เนื่องจากจะต้องมีการลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯ คนใหม่ พร้อมกันนั้นก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดการยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่ได้ โดยเรามองว่ามีโอกาสราว 60% ที่พรรคเพื่อไทยยังสามารถรวบรวมเสียงจากบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย (คุณชัยเกษม นิติสิริ) เป็นนายกฯ คนถัดไป และมีโอกาสราว 25% ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจกลับมาเป็นนายกฯ ส่วนอีก 15% นั้น เราประเมินเป็นโอกาสที่จะเกิดการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดการส่งออกและนำเข้า รวมถึงรายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index) ในเดือนกรกฎาคม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

มทภ.2 ลั่น 'ในหลวง' ไม่ยุ่งการเมือง ทรงเป็นจอมทัพไทย ดูแลเสาหลักประเทศ

31 นาทีที่แล้ว

เปิดสถิติ Thailand Focus ลงทุนรีเทิร์นสูงสุด 3% | SET Afternoon | 25-8-68

44 นาทีที่แล้ว

กสทช.คุมเข้มโดรน สกัดภัยมั่นคง บังคับขึ้นทะเบียน ก่อนรับสินค้า

50 นาทีที่แล้ว

‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ลงทะเบียนวันแรกทะลุ 1 แสนคน ยันผู้สูงอายุได้รับสิทธิ

59 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

ITEL ปิดดีลลับ SEAX Asia ยักษ์ใหญ่โครงข่ายสิงคโปร์

Share2Trade

Daily Recap Gold Spot 25-08-2568

ฮั่วเซ่งเฮง

Daily Recap Gold Futures 25-08-2568

ฮั่วเซ่งเฮง

หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ Share2Trade 26 ส.ค. 2568 (PCE, EGCO, TSR, IND)

Share2Trade

อลิอันซ์ อยุธยา ทุ่มงบลงทุนกว่า 70 ล้านบาท เปิดแคมเปญ “ตรงไป ตรงมา”ย้ำสร้างความโปร่งใส

Share2Trade

TIDLOR ออกหุ้นกู้อายุ 3 ปีดอกเบี้ยคงที่ 2.70 – 2.95% ต่อปี พร้อมเสนอขาย 28-30 ต.ค.68

กรุงเทพธุรกิจ

PTG โชว์ Non-Oil โตแรง! กาแฟพันธุ์ไทย – PT Max Card หนุน

หุ้นวิชั่น

BPP รุกตลาด Power Trading สหรัฐฯ ตอกย้ำผู้บุกเบิก ด้านผลิตพลังงาน

ทันหุ้น

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...