พล.อ.ณัฐพล เผยกัมพูชายอมรับข้อตกลงร่วมประชุม GBC
(6ส.ค.68) ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเล็กนัดพิเศษ ถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไป (จีบีซี) ว่า เบื้องต้นเรียบร้อย ข้อเสนอที่ได้มีการเสนอไปมีการเห็นชอบร่วมกัน แต่ในรายละเอียดได้ขอให้เขามาชี้แจง ที่สภาความมั่นคงว่าตรงกับที่ สมช.อนุมัติไปหรือไม่ ตนขอดูรายละเอียดอีกนิด เมื่อถามว่า กัมพูชายอมรับข้อเสนอที่เราเสนอไปทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ใช่
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีข้อตกลงหยุดยิง แต่ก็ยังมีสถานการณ์อยู่บ้าง จะดำเนินการอย่างไร
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็ต้องกำกับกันต่อไป จริง ๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะส่วนตัวเห็นว่าทางกัมพูชามีความจริงใจที่จะหยุดยิงจากการบรรลุข้อตกลงในระดับกองเลขา ทั้งนี้ตนแบ่งไว้ 3 ระดับ ระดับกองเลขาถือว่าจริงใจระดับที่ 1 ซึ่งก็ผ่านแล้ว และในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ที่จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ ก็จะวัดความจริงใจระดับที่ 2 ถ้าเป็นไปตามนี้ ไทยและกัมพูชาก็ผ่านความจริงใจไป 2 ระดับ เหลือแต่ระดับ 3 ว่าเมื่อปฏิบัติจริงเขาทำตามหรือไม่
"โดยปกติเวลาประชุมกองเลขาของจีบีซี ฝ่ายกัมพูชามักจะรอข้อเสนอจากฝ่ายเรา และจะให้ข้อพิจารณาในการแลกเปลี่ยนมา ซึ่ง 3 วันที่ผ่านมาได้รับข้อสรุปที่น่าพอใจ และขอดูในวันที่ 7 สิงหาคม อีกครั้งหนึ่ง" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ข้อเสนอที่ยื่นไปมีเงื่อนเวลาหรือไม่
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า มีเรื่องระยะเวลา แต่ขอดูรายละเอียดก่อนว่าการประชุมในวันที่ 6 สิงหาคม นี้ เป็นอย่างไร ขอให้ทุกคนสบายใจได้ อย่างไรก็ตามเรายึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก คำนึงถึงอธิปไตย และอยากเน้นย้ำว่าการประชุมจีบีซีที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทั้ง 2 ประเทศเป็นประธาน กรอบการพิจารณาส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ด้านความมั่นคงในเรื่องการหยุด และยังมีงานอีกหลายอย่าง ทั้งการเรียกร้องค่าเสียหายของพลเรือน หรือเรื่องต่าง ๆ รวมถึงกรณีเขตแดนที่เรายังไม่พูดถึง แต่จะรอให้เข้าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี) ทั้งนี้ขั้นตอนต่าง ๆ ต้องรอบคอบ หน่วยงานต่าง ๆ ต้องพิจารณา
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในที่ประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการแล้วว่าให้เลขาธิการ สมช. เป็นประธานการประชุมพิจารณาแบ่งมอบงานเรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนสบายใจว่าเรื่องไหนใครเป็นคนทำ โดยในส่วน ศบ.ทก. มุ่งที่ปัญหาเฉพาะหน้า
เงื่อนไขที่เสนอที่ทางกัมพูชาจะต้องขอนำกลับไปทบทวน เป็นเรื่องอะไรบ้าง
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้พูดคุย ขอรอฟังในที่ประชุมวันนี้ทีเดียว เพื่อจะได้ข้อสรุป
หากประชุมจีบีซีเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปในการพูดคุยกับคณะกรรมการอื่น ๆ จะง่ายขึ้นหรือไม่
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า น่าจะง่ายขึ้น และยังมีกลไกที่เกี่ยวข้องคือคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ที่เป็นระดับล่างลงไป ซึ่งในที่ประชุมจีบีซีในเรื่องการหยุดยิง และรายละเอียดการปรับกำลัง การวางกำลัง จะให้อาร์บีซีเป็นผู้กำหนด แต่จีบีซีจะตีกรอบไว้ให้ ส่วนอีกกลไกหนึ่งคือเจบีซี ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาบ่ายเบี่ยงมาตลอด เป็นการพูดคุยทวิภาคีเรื่องเขตแดน เพราะทางกัมพูชาไม่ยอมรับเรื่องนี้ อยากให้นำขึ้นศาลโลก ซึ่งเรากำลังพูดคุยกันอยู่
หากกัมพูชาต้องการขึ้นศาลโลก ทำไมไทยจึงไม่ยกเลิก MOU 2543 (บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก)
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า MOU 43 ยังมีประโยชน์ เพราะปัจจุบันที่เรากล่าวหากัมพูชากับนานาประเทศได้ เพราะเขาผิด MOU 43 หากไม่มี MOU 43 ก็ไม่มีกติกาอ้างอิงที่จะไปกล่าวหาเขาได้ ได้แค่กล่าวหา แต่ไม่มีกรอบที่จะอ้าง
กังวลหรือไม่ว่าการหารือในวันที่ 7 สิงหาคม จะไม่จบเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา คณะพูดคุย ยังคงต้องโทรเพื่อขอการตัดสินใจที่กรุงพนมเปญ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตอนแรกก็รู้สึกกังวล แต่เมื่อฝ่ายเลขานุการยืนยันก่อนเดินทางกลับว่าทุกอย่างเรียบร้อย ก็คลายความกังวลแต่ท้ายที่สุดต้องรอฟังรายละเอียด ไม่อยากฟังทางโทรศัพท์ สู้ฟังทีเดียวเลยดีกว่า
"ข้อตกลงการหยุดยิงยังเป็น 8 ข้อเหมือนเดิม แต่มีอีก 6 ประเด็น ที่เป็นเรื่องอื่น ๆ แต่เกี่ยวข้องกัน แต่เท่าที่ฟังเขาก็รับข้อเสนอทั้งหมด ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายหากดูจากสื่อกัมพูชา เขาบอกว่าไม่ได้เต็มใจรับนั้น เรื่องเหล่านั้นไม่มีปัญหา เราคุยกันด้วยเอกสาร อย่าไปพูดอย่างอื่น อาจจะทำข้อมูลคลาดเคลื่อนก็ได้" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่า ให้ยึดเอกสารหากเห็นพ้องต้องกันและมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ระหว่างการประชุมก็จะมีผู้สังเกตการณ์ร่วมเจรจากับทางกัมพูชา เพราะอย่างน้อยมีประเทศที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เป็นพยานว่าเราตกลงกันอย่างนี้ แต่ยอมรับว่ามีผลเสีย เนื่องจากควรพูดคุยกันด้วยทวิภาคีมากกว่า
ข่าวเวิร์คพอยท์23