ปิดจ๊อบ งบกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลโยกโปะงบกลาง 2.6 หมื่นล้าน
วันนี้ (20 สิงหาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบการโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ที่เหลืออยู่ 26,000 ล้านบาท ไปเพิ่มในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อไป
“ที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติเงินก้อนนี้ไป 2 ครั้ง และมีบางส่วนที่ใช้ไม่หมดก็เอามาคืน ทำให้เหลือวงเงินเหลือ 26,000 ล้านบาท ต่อไปจะเป็นหน้าที่ของสำนักงบประมาณที่จะไปจัดการ โดยจะไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว และคงต้องมาคุยว่าเงินที่โอนไปจะทำอะไร ซึ่งทั้งหมดต้องใช้ภายในเดือนกันยายน 2568 นี้” นายพิชัย ระบุ
ส่วนของเงินที่เหลืออยู่นี้จะนำไปใช้ในเรื่องของการรองรับภาษีสหรัฐฯ หรือชายแดนไทย-กัมพูชา หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามผลักดันการใช้เงินเพื่อไปรองรับวิกฤตภาษีสหรัฐฯ แล้ว แต่เนื่องจากการรองรับวิฤตต้องใช้ให้ทันเดือนกันยายน นี้ จึงเห็นว่า เงินในส่วนที่เหลือก็ขอให้ไปตรงไหนก็ได้ที่ใช้ได้เร็ว ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป
สำหรับการพิจารณาโอนงบกลางที่เหลือครั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการรายงานข้อเสนอของกระทรวงการคลัง การใช้งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุด เนื่องจากยังไม่มีข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่เหลืออยู่เป็นช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณ การจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้จ่ายจากงบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน
รวมไปถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจัดจ้างและการก่อหนี้ผูกพัน ที่อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 ส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการดังกล่าว ที่เหลืออยู่จะถูกพับไปโดยผลของกฎหมาย
ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการดังกล่าวที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สามารถโอนงบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปเพิ่มในรายการเงินสำรองจ่ายฯ โดยเสนอขออนุมัติต่อนายกรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561
ส่วนในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ก็สามารถขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 เพื่อไปดำเนินโครงการได้
สำหรับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีจำนวน 96,556 ล้านบาท คิดเป็น 2.57% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 หากมีการโอนงบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจมาสมทบอีก 26,000 ล้านบาท จะทำให้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ มีจำนวน 122,556 ล้านบาท คิดเป็น 3.27% ซึ่งยังอยู่ภายในสัดส่วนตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ คือ 2-3.5%
ด้าน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการชุดนี้ ได้เสนอเรื่องแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก เรียกว่าระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน วงเงิน 115,000 ล้านบาท
ส่วนครั้งที่ 2 หรือระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม อีกจำนวน 18,400 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่ลงไปทั้งหมดกว่า 1.3 แสนล้านบาท เป็นการเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี เพื่อรับมือกับผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ
ดังนั้น จากกรอบวงเงินโครงการทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท ได้มีการอนุมัติไปแล้ว 133,000 ล้านบาท และเหลืองบประมาณอยู่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงาน ความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรโครงการ ความคืบหน้าผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการกำกับ และติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจะทำอย่างไรกับงบประมาณส่วนที่เหลือ เพื่อให้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้