สาวจบป.โท ลาออกจากงาน ผันตัวเป็น “พี่เลี้ยงเด็กรวย” เปิดรายได้แรง แต่มี 1 สิ่งแรงกว่า!!!
เรียนจบ ป.โท ลาออกจากงาน รับจ้างเลี้ยงเด็กบ้านรวย รายได้หลักล้านต่อปี เหมือนคนใน แต่เป็นคนนอกตลอดไป ความเหงาแรงกว่ารายได้!
ด้วยสวัสดิการกินอยู่ฟรีและเงินเดือนรายเดือนที่สูงลิ่ว บริการจ้างคนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาสูงมาดูแลลูกๆ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ครอบครัวร่ำรวยในประเทศจีน
ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา อาชีพใหม่ที่เรียกว่า “ผู้ร่วมเดินทางกับเด็ก” (child companion) กลายเป็นที่แพร่หลายในครอบครัวชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในจีน โดยคนทำงานในอาชีพนี้จะผสมบทบาทของพี่เลี้ยงเด็กระดับไฮเอนด์ ครูสอนพิเศษที่พักอยู่ด้วย และนักจิตวิทยาเด็ก บางครั้งเรียกกันว่า"พ่อแม่ที่จ้างมา" หรือ "แม่จ้าง" รายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 30,000 หยวน (ราว 36,000 – 108,000 บาท) บางคนมีรายได้สูงถึง 100,000 หยวน/เดือน (ประมาณ 360,000 บาท)
อยากดูแลเด็กบ้านรวย ต้องเก่งอังกฤษและมีการศึกษาสูง เพราะหน้าที่ของผู้ดูแลเด็กไม่ได้มีแค่การดูแลชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังต้องสอนหนังสือ ปลูกฝังนิสัย และช่วยดูแลจิตใจของเด็กด้วย ข้อกำหนดในการสมัครงานก็เข้มงวดมาก ต้องมีวุฒิปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย หากมีวุฒิปริญญาโท เคยเรียนต่างประเทศ หรือพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ หากมีทักษะขับรถ ความสามารถด้านศิลปะ กีฬา หรือการศึกษาเด็กปฐมวัย ก็จะยิ่งได้ค่าตอบแทนสูงขึ้น
กลุ่มผู้ว่าจ้างส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ ผู้บริหาร หรือชนชั้นรายได้สูงที่ไม่มีเวลาดูแลลูกด้วยตัวเอง จึงยินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ "คนที่มีคุณภาพ" มาทำหน้าที่แทน พวกเขามองว่า “ผู้ร่วมเดินทางกับเด็ก” เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านการศึกษา ด้วยความหวังว่า "แรงของคนอื่น" จะชดเชยช่องว่างทางจิตใจของลูกได้ อย่างไรก็ดี แม้ภายนอกผู้ดูแลเด็กเหล่านี้จะอยู่ร่วมกับครอบครัวผู้ว่าจ้างทั้งเช้าและเย็น ใกล้ชิดกับเด็กเหมือนคนในครอบครัว แต่ในท้ายที่สุด ความสัมพันธ์ของพวกเขากับครอบครัวก็ยังเป็นแค่ "คนนอก" ที่ผูกพันด้วยสัญญาจ้างงาน
รีวิวงานเหนื่อยมาก ไม่มีเวลาส่วนตัว เหมือนเป็นเงาในบ้านคนอื่น
หญิงสาวรายหนึ่ง ใช้นามแฝงว่า "半夏" ซึ่งมีความหมายว่า กลางฤดูร้อน เดิมทีเธอเป็นหญิงสาวที่จบปริญญาโทด้านศิลปะ จากมหาวิทยาลัยระดับ 211 (กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน) เคยทำงานบริษัทต่างชาติ แต่รายได้ไม่เป็นไปตามคาด เธอจึงลาออกแล้วเปลี่ยนสายงาน หลังจากสอบราชการไม่ผ่าน จึงตัดสินใจมาทำงานเป็นผู้ดูแลเด็กในบ้านเศรษฐี
เธอแชร์ประสบการณ์งานของผู้ดูแลเด็กที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า และพักผ่อนได้หลัง 4 ทุ่ม ปัจจุบันมีรายได้ 25,000 หยวนต่อเดือน (ประมาณ 91,000 บาท) ต้องทำทั้งอาหาร ซักผ้า เตรียมบทเรียน สอนการบ้าน และปลอบใจเด็กแทบจะตลอดเวลา แม้งานจะเหนื่อย แต่เธอก็กล่าวว่า "แค่มีเงิน ถึงจะมีสิทธิ์เลือกชีวิต"
ภาระงานที่หนักทำให้หลายคนเกิดภาวะหมดไฟทั้งร่างกายและจิตใจ หลายคนบอกว่า ตั้งแต่ทำงานนี้มา แทบไม่มีชีวิตส่วนตัว เหมือนเป็น "เงาในบ้านคนอื่น" ไม่มีแม้แต่โอกาสดูแลตัวเอง นอกจากนี้ ยังต้องมีทักษะในการวางตัวให้อยู่ในระยะที่เหมาะสมกับพ่อแม่ ปู่ย่า-ตายาย และแม่บ้านในบ้าน ต้องสนิทกับเด็กแต่ก็ไม่ล้ำเส้น อย่างที่คนหนึ่งพูดไว้ว่า"เหมือนคนในครอบครัว แต่เป็นคนนอกตลอดไป"
เมื่อได้คลุกคลีอยู่กับครอบครัวร่ำรวยเป็นเวลานาน ผู้ดูแลเด็กหลายคนค้นพบว่า เบื้องหลังความหรูหรานั้นเต็มไปด้วยความกังวล ความรู้สึกไร้อำนาจในการเลี้ยงดูลูก และความว่างเปล่าในจิตใจของเด็กๆ
รูปแบบที่พบได้บ่อยคือ"แม่ยุ่ง พ่อไม่อยู่" และใช้รางวัลหรือของขวัญแทนความรัก เด็กจึงเริ่มเคยชินกับการได้รับของตอบแทน และกลายเป็นพฤติกรรมว่า "ไม่มีของขวัญ = ไม่ทำ" ทำให้ผู้ดูแลเด็กมักติดอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ แม่อยากให้เข้มงวดแต่ก็สงสารลูก ส่วนพ่อก็มักไม่ค่อยอยู่บ้านและแทบไม่ร่วมเลี้ยงดูลูกเลย
ดังเช่นที่ "เจี้ยนอวี่" ชายผู้รับงานเป็นผู้ร่วมเดินทางกับเด็ก เล่าว่า เขาเคยทำงานกับครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กคนหนึ่งติดเกมมากและดื้อรั้น แม่ของเด็กต้องเดินทางบ่อย ส่วนยายก็สุขภาพไม่ดี วันหนึ่ง เด็กคนนั้นร้องไห้แล้วพูดว่า "ไม่มีใครสนใจหนูเลย ถ้าลุงไม่สนใจ หนูจะเหลือใครล่ะ?"
แต่ไม่ว่าใครจะทุ่มเทแค่ไหน ความรักจากคนแปลกหน้าก็ไม่อาจทดแทนความรักจากพ่อแม่ได้ เมื่อเด็กเริ่มตระหนักถึงการหายไปของพ่อแม่ ก็เริ่มต่อต้านและไม่ยอมรับ "ผู้ร่วมเดินทาง" เหล่านี้ในชีวิต ถึงแม้ในสายตาคนทั่วไป งานนี้จะไม่ใช่อาชีพที่น่าภูมิใจนัก แต่ภายใต้แรงกดดันทางการเงิน ก็มีคนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาสูงจำนวนมากเข้ามาทำงานนี้อย่างเต็มใจ
เขามองว่า อาชีพนี้คือจุดเริ่มต้นที่จะต่อยอดสู่การทำงานด้านการศึกษาและการเป็นนายหน้าให้กับครอบครัวต่างๆ เขาเชื่อว่า ถึงแม้อาชีพนี้ยังไม่ได้รับการจัดระบบอย่างชัดเจน แต่ด้วยกระแสการศึกษาภายในบ้านที่กำลังมาแรง ก็ยังมีอนาคตที่สดใส
ท้ายที่สุด การเกิดขึ้นของอาชีพ "ผู้ร่วมเดินทางกับเด็ก" สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลในการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบัน ครอบครัวร่ำรวยจำนวนมากเปลี่ยนการเลี้ยงลูกให้กลายเป็น "โปรเจกต์ที่สามารถจ้างคนทำแทนได้" แต่ความรักและสายใยที่แท้จริงนั้น… ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน และไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยสัญญาจ้าง
ขณะที่ผู้ทำงานผู้ร่วมเดินทางกับเด้ก เบื้องหลังรายได้ที่ล่อตาล่อใจ คือการสูญเสียอิสรภาพส่วนตัว ความรู้สึกที่ถูกกดทับ และชีวิตส่วนตัวที่แทบจะหยุดนิ่ง คุณค่าและการเสียสละของอาชีพนี้ คือภาพสะท้อนที่แท้จริงของความขัดแย้งในการเลี้ยงดูลูกในยุคปัจจุบัน