โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

ดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% หนุนธุรกิจ บรรเทากลุ่มเปราะบาง รับมือเศรษฐกิจไทย

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 4 ของปีเมื่อ 13 สิงหาคม 2568 มีมติเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี หลังจากกรรมการทั้ง 6 ท่านเห็นตรงกันว่า สามารถที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้บ้าง เพื่อให้ภาวะการเงินเอื้อต่อการปรับตัวภาคธุรกิจและช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง

ขณะที่รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อล่าสุดประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และในปี 2569 ว่า มีแนวโน้มขยายตัวขะลอลง โดยการส่งออกสินค้าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ มากขึ้นหลังการเร่งส่งออกสินค้าหมดไป การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง

โดยเฉพาะหมวดบริการ ตามแนวโน้มรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวแย่ลงในเกือบทุกกลุ่มรายได้ และจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2568 และปี 2569 ปรับลดลงปีละ 2.5 ล้านคน มาอยู่ที่ 35 และ 38 ล้านคน ตามลำดับ

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า คณะกรรมการกนง. มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 และปี 2569 ขยายใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้เมื่อเดือนมิถุนายน แต่มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ ทั้งที่จะมีผลโดยตรงและทางอ้อมจะซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถของการแข่งขัน โดยเฉพาะกับธุรกิจมีความเปราะบางอยู่เดิม (ธุรกิจ SME และกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท)

สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น แนวโน้มจะเติบโตต่ำกว่าครึ่งปีแรกจากแรงส่งของเศรษฐกิจเริ่มชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลังและทอดยาวไปต้นปีหน้าด้วย เนื่องจากผลมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐที่จะเห็นชัดขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีหลัง โดยมีลักษณะทอดยาวและมีการปรับตัวของภาคธุรกิจ มองไปข้างหน้า จะเริ่มเห็นผลกระทบ แต่ไม่มากจากที่คาดไว้ก่อนหน้า เพราะไทยได้รับอัตราภาษีไม่ต่างจากคู่ค้าคู่แข่ง ซึ่งเป็นจุดดี

ทั้งนี้ ธปท.แบ่งการส่งออกเป็น 3กลุ่มคือ กลุ่มที่โดนภาษีนำเข้าสหรัฐ(RT) ซึ่งจะเห็นการชะลดลงในระยะต่อไป รวมถึงารส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียม ยานยนต์และชิ้นส่วนที่โดนภาษีเท่ากันจะเห็นความต้องการปรับลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการยกเว้นภาษีมีการเร่งตัวมาก่อนหน้า ส่วนหนึ่งวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงมีต่อเนื่องและไปต่อได้บ้าง โดยต้องติดตามว่า สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีกลุ่มนี้หรือไม่

อย่างไรก็ดี กลุ่มที่ไม่โดนภาษีนำเข้าของสหรัฐ จะเห็นจุดเปราะบางเพิ่มสูงขึ้นสำหรับเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ โดยเครื่องชี้ภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มปักหัวลงในช่วงหลัง มาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยเฉพาะการปรับลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวระยะสั้น ซึ่งธปท.จะปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวในครั้งหน้า ส่วนเครื่องยนต์อื่นทรงตัวยังไม่เห็นสัญญาณที่มีการปรับดีขึ้นชัด

มองไปข้างหน้า ในส่วนของภาพเศรษฐกิจรายย่อยจะเห็นความเปราะบางเพิ่มมากขึ้น โดยมาจากภาคท่องเที่ยวที่มีการจ้างงานค่อนข้างมาก (มีอาชีพอิสระค่อนข้างมาก) จะกระทบกับรายได้ของคนในวงกว้าง กระทบเอสเอ็มอีและกระทบการบริโภคภาคเอกชนต่อไป

“เราเจอปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามรถในการแข่งขัน ในแง่การผลิตใกล้เคียงศูนย์ แถมต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าด้วย โดยจะเห็นการเติบโตมาจากกลุ่มขนาดใหญ่มากขึ้น”

สำหรับภาคบริการนั้น ไส้ในเดิมเป็นกลุ่มเอสเอ็มอีแต่ตอนนี้น้อยลง ดังนั้นจะเห็นกลุ่มเอสเอ็มอีทั้งภาคบริการและการผลิต ธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs เผชิญความท้าทายในการปรับตัว ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งภาคบริการและการผลิต 99.6% ของจำนวนธุรกิจ หรือ 91% ของแรงงาน จึงกระทบในวงกว้างและจะส่งผลต่อการบริโภคของภาคเอกชนในระยะต่อไปด้วย

ในแง่เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ โดยเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงจากประมาณการครั้งก่อน หลักๆ มาจากปัจจัยด้านอุปทาน โดยราคาพลังงานที่ปรับลดลงจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่คลี่คลายลง และอาหารสดจากสภาพอากาศที่ดี ทำให้ราคาพืชผลต่ำ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงที่ใกล้เคียงที่ประเมินไว้ที่ 1.0%

สำหรับภาวะการเงิน สินเชื่อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นไฮไลต์ที่กรรมการคุยกันในรอบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ที่สูงขึ้นและการชำระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งความต้องการใช้สินเชื่อหรือการลงทุนน้อยลง ส่วนคุณภาพสินเชื่อด้อยลงในกลุ่มเอสเอ็มอีและรายย่อยที่มีรายได้น้อยต่ำกว่า 30,000บาท ทำให้สินเชื่อหดตัวมากกว่ากลุ่มอื่น (และหดตัวในหลายไตรมาส)

ส่วนภาคครัวเรือนนั้นโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยยังเห็นเอ็นพีแอลค่อยๆปรับตัวเพิ่มต่อแม้จะไม่รุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย ดังนั้นสินเชื่อยังชะลอตัวทั้งในกลุ่มเอสเอ็มอีและสินเชื่อที่อยู่อาศัย

“ภาพรวมสินเชื่อที่ชะลอตัว เพราะช่วงโควิด มีมาตรการเร่งช่วยเหลือประคอง ทำให้หนี้ภาคเอกชนขยายตัว แม้เศรษฐกิจหดตัวสูง ยอดคงค้างสินเชื่อชะลอลงจากการเร่งชำระคืนหนี้เป็นสำคัญ"

โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่มีการคืนหนี้และความต้องการสินเชื่อลดลง แต่ในทางกลับกันกับธุรกิจขนาดเล็กที่ยังมีความต้องการสินเชื่อ แต่ธนาคารยังระมัดระวัง ทำให้ภาพสินเชื่อปล่อยใหม่โดยรวมยังทรงตัว

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,123 วันที่ 17 - 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

เตือนภัย "แรงงานกัมพูชา" ระวังข่าวปลอมหลอกกลับประเทศ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองทัพบกเปิดข้อมูลสำคัญ 8 ข้อ ยันชัดกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดแนวคิดสร้าง‘กำแพงรั้วลวดหนาม’ ชายแดนไทย-กัมพูชา

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ป่อเต็กตึ๊งส่งน้ำใจ 3.89 ล้าน ช่วยทหาร-ประชาชน ชายแดนไทย–กัมพูชา

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

เตือนภัย! คนชอบกินดิบ ผู้ป่วย 'พยาธิขึ้นตา' เล่าหมอเอาออกยากมาก ชอบผลุบๆ โผล่ๆ

MATICHON ONLINE

"ส่งคลิปนักข่าวแนบลิงก์หลอกให้กด ให้สแกนคิวอาร์โค๊ด" อย่ากด อย่าสแกน อันตราย มิจฉาชีพหลอกดูดเงิน

สวพ.FM91

โฆษก ทบ.ยก 8 ข้อพิรุธ "กัมพูชา" แจงคณะทูต เผยยุทธวิธีสร้าง "ดงทุ่นระเบิด"

THE ROOM 44 CHANNEL

LOVEPOTION แบรนด์ดัง ซ้อการ์ด ยอมถอย แจ้ง 'หยุดผลิต' เครื่องดื่ม Lovely drink

MATICHON ONLINE

"มาริษ" นำคณะทูตอาเซียนลงพื้นที่ปะทะที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ร่วมสังเกตการณ์ภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิด

สวพ.FM91
วิดีโอ

ปชช.กังวล ภาษีใหม่ NIT เป็นภาระ | Exclusive Insight

THE ROOM 44 CHANNEL

ทภ.2 เปิดโปง “กัมพูชา” เร่งปั่นเฟกนิวส์บิดเบือนข่าวสาร หวังปูทางเพื่อเตรียมการเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหม่

THE ROOM 44 CHANNEL

ขบวนซูเปอร์คาร์ Street Kings บุกกาญจนบุรี มอบสิ่งของช่วยเหลือทหารชายแดนกว่า 1.5 แสนบาท

77kaoded

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...